วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2563

วิชาโบราณที่ใช้สร้าง ปู่ฤาษี(ครูเสน่ห์)

 สวัสดีครับวันนี้จามาพูดถึง #วิชาโบราณ ใช้สร้างตะกรุดสำหรับบรรจุหลัง #ปู่ฤาษี(ครูเสน่ห์) รุ่นปลีกวิเวก

#วิชาพระลักษณ์หน้าทอง
วิชาพระลักษณ์หน้าทอง เป็นวิชาแห่งเมตตามหานิยมที่มีอนุภาพสูงส่ง สืบเนื่องจากเรื่องราวในตำนานที่เลื่องลือของไทยเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ “รามเกียรติ์” ตำนานเล่าขานถึง “พระลักษณ์” บุรุษผู้เลอโฉม มีสง่าราศี ผิวพรรณผุดผ่องงามดั่งทองคำ จักไปแห่งหนใด เป็นที่นิยมชมชอบจากผู้พบเห็นยิ่งนัก คณาจารย์จึงได้นำเคล็ดนี้มาเป็น
วิชาทางเมตตามหานิยม สายวิชาพระลักษณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของ



ครูบาอาจารย์สมัยโบราณ
ครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านเคยเล่าถึงวิชาแห่งเมตตามหานิยมให้ฟังว่า

เมื่อครั้งที่ท่านฝึกวิชานี้ใหม่ ผู้ที่จะร่ำเรียนต้องดั้นด้นเดินทางเข้าไปยังป่าลึก เพื่อต้องการให้ผู้ฝึกเรียน “มีเมตตาอันสูงส่ง” เพราะเป็นส่วนสัมพันธ์กันกับเรื่อง “วิชาทางเมตตามหานิยม” ทั้งสิ้นโดยให้ผู้ฝึกเรียนเข้าป่าไปเผชิญอันตรายต่าง ๆ เช่น อยู่กินนอนกินในถ้ำเสือโคร่งใหญ่ , ทำตัวกลมกลืนกับเก้งกวางป่าหรืออยู่กินกับลิงน้อยใหญ่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม หากผู้ฝึกวิชาโดนสัตว์ทำร้าย ห้ามต่อสู้และห้ามโกรธอย่างเด็ดขาดและต้องแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านั้น จนสัตว์เหล่านั้นมองว่าเป็นผู้บำเพ็ญบุญ เมื่อฝึกวิชานี้จนชำนาญ มีจิตใจผุดผ่องปราศจากความโกรธทั้งปวงแล้ว จึงหัดท่องพระคาถาครูแห่งบทเมตตา ซึ่งครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านใช้คาถาบทนี้เวลาพบกับสัตว์ร้าย

หากสัตว์ร้ายนั้น เมื่อเข้ามาเผชิญหน้าแล้วหลีกทางให้ผู้ฝึกเรียนอย่างง่ายดาย ถือเป็นอันใช้ได้ พระคาถานี้มีอยู่ว่า
“เตเตมัสสะ จิตตะ จิตตัง มหาจิตตะ เอหิชัยยะ เอหิ พันธัง พะหูชะนา เตเตสวาหะ วิกรึงจิตตะคะเรตุง”
ขั้นตอนการฝึกต่อไป ครูบาอาจารย์ท่านจะสอนวิชามหานิยมโดยให้บริกรรมคาถาในดงเหล่าสัตว์ที่สมาธิสั้น เช่น ลิง ค่าง ชะนี เป็นต้น ส่วนใหญ่ให้กระทำในดงป่ากล้วย ด้วยคาถานี้ “นะวิเศษ โมเมตตา พุทธครวญหา



ด้วยจิตอาทร ธาให้ออดอ้อน ถอนมนต์มิได้ ยะรำไห้นำมาหากู เอหิสรรพธาเอหิ” ท่องจนกว่าลิงทั้งหลายจะปีนป่ายนำกล้วยทั้งหวีมาวางไว้ตรงหน้าของผู้ฝึกเรียนจนหมดทั้งป่า มีเคล็ดวิเศษที่ว่า “ลิงเหล่านั้นต้องไม่หยิบกล้วยที่นำมาให้ไปกินแม้แต่นิดเดียว” ท่านว่าเป็นอันสำเร็จวิชาโดยแท้จริง

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือ หัวใจหลักสำคัญแห่งวิชาเมตตามหานิยม เมื่อสำเร็จวิชาแล้วครูบาอาจารย์ท่านจะสอนวิชาย่อยต่าง ๆ เช่น วิชาพระลักษณ์หน้าทอง และวิชานะอ่อนใจรัก ซึ่งเคล็ดวิชานี้จะมีมนต์เสน่ห์ยาแฝดเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านสำเร็จและเป็นเอกในวิชานี้ด้วย
จากตำราเก่ากล่าวไว้ว่า “ก่อนที่จักทำวิชา ให้อยู่เยี่ยงอินทร์ กินเยี่ยงพรหม ทั้งไตรมาสเสียก่อน” มิให้ออกไปไหนโดยเด็ดขาด การอยู่เยี่ยงอินทร์ อธิบายดังนี้ คือ การบำเพ็ญเพียรตามอิริยาบถต่าง ๆ มิใช่จะทำสมาธิเพียงอย่างเดียว แต่ว่าทำให้ฝึกวิชาอาคมต่าง ๆ ไปด้วย และกินเยี่ยงพรหม ก็คือ “เว้นจากสิ่งขบขัน” ตลอดไตรมาส........กุ๊กศิษย์ครูน้อย

ความน่าอัศจรรย์ ของ ปู่ฤๅษี(ครูเสน่ห์)รุ่นปลีกวิเวก

 สวัสดีครับวันนี้จะมาเล่าถึง #ความน่าอัศจรรย์ ของ #ปู่ฤๅษี(ครูเสน่ห์)รุ่นปลีกวิเวก #พิมพ์3เหลี่ยม

ตอนนี้หลายคนก็คงได้รับปู่ฤๅษีกันไปแล้วและอีกหลายๆคนก็ยังรอให้ครูสร้างให้อยู่อย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ยังมีคนที่ยังคิดไม่ตกเลือกไม่ถูกว่าจะเอาพิมพ์ไหนดีระหว่างพิมพ์4เหลี่ยมและพิมพ์3เหลี่ยม

จากที่ผ่านมาผมเชื่อเลยว่าหลายคนคงเลือกพิมพ์4เหลี่ยมด้วยเหตุผลที่ว่ามียันต์หรืออักขระด้านหลังซึ่ง อาจจะมองได้ว่ามีความพิเศษกว่าพิมพ์3เหลี่ยมแต่........มันมิได้เป็นเช่นนั้น

เพราะโดยแท้จริงแล้วเดิมทีครูตั้งใจว่าจะสร้างพิมพ์3เหลี่ยมให้มียันต์หรืออักระด้านหลังเช่นเดียวกับพิมพ์4เหลี่ยม แต่ทุกครั้งที่จะลงมือแก้ไขแม่พิมพ์ต้องมีเหตุให้ฝนตกไฟดับทุกครั้ง และไม่ได้เป็นแค่ครั้งเดียว เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่3ครั้ง3คราวจนครูเลิกล้มความตั้งใจจะแก้ไขแม่พิมพ์ โดยครูเล่าว่าขนาดแค่คิดอยากจะแก้ไขแม่พิมพ์ จากท้องฟ้าใสๆ กลับมีเมฆฝนตั้งเค้ามาทันทีซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก(ตามรูปในchat)

ครูบอกว่า #พิมพ์3เหลี่ยมอาถรรพณ์แรงมาก ตามความคิดของผมเข้าใจว่า #ครูบาอาจารย์ท่านชอบแบบนี้(ไม่มียันต์ด้านหลัง) เลยไม่ต้องการให้แก้ไข ท่านจึงดลบรรดาลให้เกิดเหตุที่ไม่สามารถจะแก้ไขแม่พิมพ์ได้ และอีกประเด็นคือ ที่ผ่านมาวัตถุมงคลของสำนักไม่เคยมีวัตถุมงคลที่ครูสร้างออกมาเป็นรูป3เหลี่ยมเลย ดังนั้นรุ่นนี้ #ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่สร้างออกมาในรูป3เหลี่ยม

ต่อไปมาไขขอสงสัยอีกข้อเรื่อง #ทั้ง2พิมพ์นั้นพุทธคุณเหมือนกันหรือไม่ ผมเลยถือโอกาสถาม ครูบอกว่าถึงด้านหลังจะต่างกันแต่ #ครูก็เสกให้เหมือนกันดังนั้นจึงพุทธคุณเหมือนกัน






ส่วนใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้วผมคิดว่าน่าจะตัดสินใจได้นะครับ.........กุ๊กศิษย์ครุน้อย

ตำนานฤาษีโคตรบุตร(ครูเสน่ห์)

 #ตำนานฤาษีโคตรบุตร(ครูเสน่ห์)

ปู่ฤาษีโคตรบุตร เป็นฤาษี ที่บำเพ็ญตบะอยู่ในบริเวณป่าหิมพานต์ ท่านเป็นฤาษี ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามมาก เป็นที่เคารพรัก ของเหล่ามนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย เมื่อใครได้มาพบเห็นก็จะเกิดความรู้สึก รัก ชอบและหลงใหล ในรูปร่างและหน้าตาของฤาษีตนนี้ทันที ไม่เว้นแม้แต่ เหล่าเทพนารีบริวารแห่งองค์ พระศิวะมหาเทพ ที่ลงมาเที่ยวเล่นกัน ในเขตของป่าหิมพานต์ ที่พอได้มาพบกับปู่ฤาษีโคตรบุตรเข้า ก็เกิดมีความหลงใหล ในรูปร่าหน้าตาของปู่ฤาษีตนนี้ทันที เทพนารีทั้งหลายเลยไม่ยอมกลับไปเขาไกรลาส ยินยอมอยู่ปรนนิบัติ รับใช้ปูฤาษีโคตรบุตร นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ร้อนถึงพระศิวะ มหาเทพเกิดความสงสัยว่าเทพนารี บริวารของพระองค์หายไปไหนกันหมด เมื่อพระองค์ ทรงเล็งญาณดูจึงรู้ว่า เหล่าเทพนารี มาอาศัยอยู่กินกับฤาษีโคตรบุตรนั่นเอง




พระศิวะจึงเสด็จลงมาจากเขาไกรลาส ตรงมาหาฤาษีโคตรบุตร ด้วยความขุ่นเคืองพระทัย ว่าฤาษีโคตรบุตร ลบหลู่ และไม่เคารพยำเกรงในพระองค์ พระองค์ทรงใช้ตรีศูร ตัดเศียรของฤาษีโคตรบุตร ขาดออกจากกันในทันที โดยมิได้สอบถามเรื่องราว ว่าใครผิด ใครถูก ด้วยฤาษีโคตรบุตร มีฤทธิ์เดชพอตัว จึงยังไม่เสียชีวิตในทันที ฤาษี จึงทูลเล่าความจริงให้พระศิวะทรงทราบ ตามความจริงทั้งหมด เมื่อพระศิวะ ทรงทราบความจริงดันนั้นแล้ว ก็ทรงรู้สึก เสียใจ ต่อการกระทำของตนเอง ยิ่งนัก ที่ด่วนใจร้อนไม่สอบถาม ไตร่สวนเรื่อราวให้ดีเสียก่อน ดังนั้นพระศิวะท่านจึงได้ใช้ฤทธิ์แห่งพระองค์ที่มี ทรงต่อเศียรของฤาษีโคตรบุตร เข้ากับ ร่างเดิม ฤาษีโคตรบุตร จึงกลับฟื้นมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และเพื่อเป็นการลบล้างความผิดพลาดของพระองค์ที่ทำไปโดยไม่ยั้งคิด พระองค์จึงมีพระศิวะโองการออกไปว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มนุษย์คนใด ที่ได้นำรูปเศียรของฤาษีโคตรบุตร ไปเคารพ สัการะบูชา มนุษย์ผู้นั้น จะมีใบหน้าที่งดงาม มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้ที่ได้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือเทวดาทั้งหลาย ก็จะมีความงามเฉกเช่นเดียวกันกับฤาษีโคตรบุตร นับตั้งแต่นั้นมา เศียรของฤาษีโคตรบุตร จึงได้ถูกนำมากราบไหว้สักการะบูชา เป็นที่เคารพ ของเหล่าศิสปิน นักแสดงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง โขน ลิเก ลำตัด เพลงอีแซว ฯลฯ โดยเศียรฤาษีโคตรบุตร จะถูกเรียกขนานนามว่าเศียรพ่อแก่ มาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้

บางตำนานเล่าว่า พ่อแก่ หรือพระฤาษี ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในแวดวงศิลปะแขนงต่างๆ ล้วนนิยมเคารพนับถือบูชา เนื่องด้วยเกิดจากความเชื่อที่ว่า ในอดีต พ่อแก่หรือพระฤาษีได้เป็นผู้นำเอาศิลปะ แขนงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องรำทำเพลง หรือแม้แต่การร่ายรำ นาฏศิลป์ต่างๆ มาถ่ายทอดให้แก่มนุษย์ได้รับรู้ความงาม ความอ่อนช้อยของศิลปะ รู้จักความอ่อนโยน รู้จักรัก รู้จักเมตตา และการให้อภัย ก่อให้เกิดความสุขแก่มวลมนุษยชาติ ดังนั้นศิลปิน หรือผู้เกี่ยวข้องในศิลปะทุกแขนง ในประเทศไทยจึงได้เคารพบูชาพ่อแก่ หรือครูฤาษีว่าเปรียบดังบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง เมื่อได้บูชาแล้วจะก่อให้เกิดศิริมงคล มีความเจริญก้าวหน้าในด้านการงาน มีเสน่ห์ เมตตามหานิยมในตัว พ่อแก่, พระฤาษี หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า ครูฤาษี ถือเป็นบรมครูแห่งศาสตร์ของการแสดง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระฤาษีมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 108 องค์ ปางเสมอเถรถือว่าเป็นปางที่มีฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาทั้ง 108 องค์ คำว่า ฤาษี มาจากคำว่า ฤาษิ แปลว่า ผู้เห็นด้วยความรู้พิเศษอันเกิดจากฌาน ซึ่งสามารถแลเห็นอดีตปัจจุบัน และอนาคตได้ บางครั้งก็เรียกพ่อแก่หรือฤาษีว่า "ตฺริกาลชฺญ" แปลว่า 




ผู้รู้กาลทั้งสาม นอกจากนี้พระฤาษียังถือว่าเป็นผู้ประทานสรรพวิชาความรู้ ทั้งมวลแก่มนุษยชาติ เนื่องด้วยตำราทางโหราศาสตร์ และตำราทางเทววิทยา กล่าวไว้สอดคล้องกันว่า พระพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวล เนื่องด้วยพระอิศวรมหาเทพ ร่ายพระเวทให้ฤาษี 19 ตน ป่นเป็นธุลี แล้วห่อด้วยผ้าสีแก้วไพฑูรย์ ประพรมด้วยน้ำอมฤต บังเกิดเป็นเทวราช มีสีกายดั่งแก้วไพฑูรย์ มีวิมานบุษราคัม ทรงกวางทองเป็นพาหนะ รักษาเขา พระสุเมรุด้านทิศตะวันตก มีร่างกายแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีจึงมีปัญญาบริสุทธิ์ เฉลียวฉลาด พูดจาไพเราะเสนาะหู เป็นอาจารย์แห่งสรรพวิชาความรู้ทั้งมวลรวมถึงเป็นอาจารย์ของเหล่า เทพเทวดา จึงให้ถือว่าวันพฤหัสบดีอันแสดงด้วยสัญลักษณ์ของฤาษีเป็นวันครูจึงมีการไหว้ครูกัน ในวันนี้ ซึ่งมีสืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน....... #กุ๊กศิษย์ครูน้อย Cr:http://happy.teenee.com/xfile/tamnan/837.html

วิชาโบราณที่ใช้สร้าง ปู่ฤาษี(ครูเสน่ห์)

  สวัสดีครับวันนี้จามาพูดถึง   # วิชาโบราณ   ใช้สร้างตะกรุดสำหรับบรรจุหลัง   # ปู่ฤาษี (ครูเสน่ห์) รุ่นปลีกวิเวก # วิชาพระลักษณ์หน้าทอง วิชา...