เรื่องราว ข้อมูลต่างๆ วิธีบูชา และเคล็ดวิชาต่างๆ ของสำนักเพชรแสงแก้วและบ้านดอยคำ
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
การปลุกเสกวัตถุมงคลที่สุดพิสดาร
#การปลุกเสกวัตถุมงคลที่สุดพิสดาร
-------------------------------------------
วันนี้ผมจะมาเล่าถึงวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลอันพิสดารไม่เหมือนใครของครูน้อยบ้านดอยคำ
-------------------------------------------
การเสกวัตถุมงคลของครูน้อยบ้านดอยคำ ท่านได้ประยุกต์มาจากการที่ท่านได้ไปเรียนสมาธิและการฝึกฤทธิ์กับฤๅษีบนหิมาลัยแต่ครั้งท่านมีอายุ 18 ปี ในทุกๆวันเวลาที่ท่านนั่งสมาธิเมื่อครบเวลาแล้วท่านจะอุทิศบุญกุศลทั้งหลายที่ได้กระทำมาให้กับเทพเทวดาทั้งหลาย วิณญาณทั้งหลาย ซึ่งท่านปฏิบัติเช่นนี้มาเป็นเวลา 50 กว่าปี เมื่อครูน้อยท่านประสงค์จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นด้วยเจตนา #ด้วยความปรารถนาให้คนทั้งหลายได้บูชาวัตถุมงคลที่แท้จริงและเปี่ยมไปด้วยอิทธิคุณ ท่านจึงได้สื่อสารกับครูบาอาจารย์เบื้องบน ชี้แจงวัตถุประสงค์ที่จะทำ เหล่าเทพเทวดาทั้งหลายก็เห็นพ้องด้วยเนื่องจาก #สิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจึงยินดียอมลงมาช่วยเหลือตามคำเชิญของครูน้อย ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ
-------------------------------------------
1. เหล่าเทพเทวดาครูบาอาจารย์เบื้องบนทั้งหลายต้องการลงมาช่วยมนุษย์ทั้งหลายตามเจตนาที่ครูน้อยท่านได้แจ้งไว้
2. เพื่อตอบแทนบุญกุศลที่ครูท่านได้ให้คำสัญญาว่าท่านจะอุทิศบุญอย่างนี้ให้ทั้งชีวิต หากแม้ผู้ที่บูชาไปมิได้อุทิศบุญให้ก็ขอให้มาเบิกบุญที่ครูได้ในทุกๆวัน
และเมื่อตอนครูน้อยท่านเสกท่านจะเชิญเหล่าครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ประสงค์ลงมาช่วยเหลือมนุษย์ลงมาบรรจุในวัตถุมงคลที่ท่านสร้างโดยเรียกวิธีนี้ว่า #การบรรจุธาตุเทวดา ซึ่งท่านได้ประยุกต์มาจากการฝึกฤทธิ์ที่ไปเรียนมา
และเมื่อครูบาอาจารย์ท่านลงมาบรรจุอยู่ในวัตถุมงคลแล้วท่านก็จะกลึงเพื่อป้องกันการคัดถอนและ/หรือเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ #หากผู้ใดกระทำการโดยไม่ได้รับการเห็นขอบจากครูน้อย ขอให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่อยู่ในวัตถุมงคลนั้นกลับมาอยู่กับครูดังเดิม #หากผมอธิบายตกหล่นตรงไหนกราบขออภัยครูน้อยและทุกท่านไว้ณที่นี้ด้วยครับ
www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
-------------------------------------------
วันนี้ผมจะมาเล่าถึงวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลอันพิสดารไม่เหมือนใครของครูน้อยบ้านดอยคำ
-------------------------------------------
การเสกวัตถุมงคลของครูน้อยบ้านดอยคำ ท่านได้ประยุกต์มาจากการที่ท่านได้ไปเรียนสมาธิและการฝึกฤทธิ์กับฤๅษีบนหิมาลัยแต่ครั้งท่านมีอายุ 18 ปี ในทุกๆวันเวลาที่ท่านนั่งสมาธิเมื่อครบเวลาแล้วท่านจะอุทิศบุญกุศลทั้งหลายที่ได้กระทำมาให้กับเทพเทวดาทั้งหลาย วิณญาณทั้งหลาย ซึ่งท่านปฏิบัติเช่นนี้มาเป็นเวลา 50 กว่าปี เมื่อครูน้อยท่านประสงค์จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นด้วยเจตนา #ด้วยความปรารถนาให้คนทั้งหลายได้บูชาวัตถุมงคลที่แท้จริงและเปี่ยมไปด้วยอิทธิคุณ ท่านจึงได้สื่อสารกับครูบาอาจารย์เบื้องบน ชี้แจงวัตถุประสงค์ที่จะทำ เหล่าเทพเทวดาทั้งหลายก็เห็นพ้องด้วยเนื่องจาก #สิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายจึงยินดียอมลงมาช่วยเหลือตามคำเชิญของครูน้อย ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ
-------------------------------------------
1. เหล่าเทพเทวดาครูบาอาจารย์เบื้องบนทั้งหลายต้องการลงมาช่วยมนุษย์ทั้งหลายตามเจตนาที่ครูน้อยท่านได้แจ้งไว้
2. เพื่อตอบแทนบุญกุศลที่ครูท่านได้ให้คำสัญญาว่าท่านจะอุทิศบุญอย่างนี้ให้ทั้งชีวิต หากแม้ผู้ที่บูชาไปมิได้อุทิศบุญให้ก็ขอให้มาเบิกบุญที่ครูได้ในทุกๆวัน
และเมื่อตอนครูน้อยท่านเสกท่านจะเชิญเหล่าครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ประสงค์ลงมาช่วยเหลือมนุษย์ลงมาบรรจุในวัตถุมงคลที่ท่านสร้างโดยเรียกวิธีนี้ว่า #การบรรจุธาตุเทวดา ซึ่งท่านได้ประยุกต์มาจากการฝึกฤทธิ์ที่ไปเรียนมา
และเมื่อครูบาอาจารย์ท่านลงมาบรรจุอยู่ในวัตถุมงคลแล้วท่านก็จะกลึงเพื่อป้องกันการคัดถอนและ/หรือเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ #หากผู้ใดกระทำการโดยไม่ได้รับการเห็นขอบจากครูน้อย ขอให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่อยู่ในวัตถุมงคลนั้นกลับมาอยู่กับครูดังเดิม #หากผมอธิบายตกหล่นตรงไหนกราบขออภัยครูน้อยและทุกท่านไว้ณที่นี้ด้วยครับ www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
สูตรยาเสน่ห์(ผงเสน่ห์ยาแฝด)
#เคล็ดการปรุงผงยา "เสน่ห์ยาแฝด"ณ.ปัจจุบันหาผู้ที่รู้จริงยาก
--------------------------------
วันนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับครูน้อยบ้านดอยคำ ในเรื่องสูตร"ยาหยอดเสน่ห์"ท่านเมตตาอนุญาตให้เปิดเผยเคล็ดความรู้เป็นครั้งแรก
--------------------------------
การทำผงเสน่ห์ยาแฝด จะประกอบไปด้วยมวลสาร(ว่าน)ทางเสน่ห์มากมาย แต่ที่ขาดเสียไม่ได้และเป็นมวลสารพื้นฐาน คือ #ดอกรัก
--------------------------------
ครูน้อยท่านได้บอกว่าเคล็ดลับการปรุงผงยาต้องใช้มวลสารเชิงเสน่ห์ยาแฝด คือดอกรักเดี่ยวผสานกับรักซ้อนจึงได้ผลเต็มที่ และหากต้องการให้ได้ผลที่ได้ออกมาสุดยอดต้องหาดอกรักซ้อน(คู่)แห้งตายคาต้นมาผสมใส่
--------------------------------
#ดอกรักรักเดี่ยว ไม่ซ้อน หมายถึงความรักที่มีให้เพียงเธอคนเดียว
#ดอกรักซ้อน หมายถึง มีเสน่ห์ มากรัก เจ้าชู้
#ดอกรักซ้อน(คู่)แห้งคาต้น จะมีพลังงานด้านเสน่ห์มากโบราณท่านบอกไว้ว่า"พึงหามาผสมใส่ มิเช่นนั้นจะอ่อนด้อย"
--------------------------------
และนี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งขององค์ประกอบ วิชาการ ปรุง "ยาหยอดเสน่ห์" จากครูน้อยบ้านดอยคำที่เมตตา เปิดเผยเคล็ดความรู้เป็นครั้งแรก
--------------------------------



www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
--------------------------------
วันนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับครูน้อยบ้านดอยคำ ในเรื่องสูตร"ยาหยอดเสน่ห์"ท่านเมตตาอนุญาตให้เปิดเผยเคล็ดความรู้เป็นครั้งแรก
--------------------------------
การทำผงเสน่ห์ยาแฝด จะประกอบไปด้วยมวลสาร(ว่าน)ทางเสน่ห์มากมาย แต่ที่ขาดเสียไม่ได้และเป็นมวลสารพื้นฐาน คือ #ดอกรัก
--------------------------------
ครูน้อยท่านได้บอกว่าเคล็ดลับการปรุงผงยาต้องใช้มวลสารเชิงเสน่ห์ยาแฝด คือดอกรักเดี่ยวผสานกับรักซ้อนจึงได้ผลเต็มที่ และหากต้องการให้ได้ผลที่ได้ออกมาสุดยอดต้องหาดอกรักซ้อน(คู่)แห้งตายคาต้นมาผสมใส่
--------------------------------
#ดอกรักรักเดี่ยว ไม่ซ้อน หมายถึงความรักที่มีให้เพียงเธอคนเดียว
#ดอกรักซ้อน หมายถึง มีเสน่ห์ มากรัก เจ้าชู้
#ดอกรักซ้อน(คู่)แห้งคาต้น จะมีพลังงานด้านเสน่ห์มากโบราณท่านบอกไว้ว่า"พึงหามาผสมใส่ มิเช่นนั้นจะอ่อนด้อย"
--------------------------------
และนี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งขององค์ประกอบ วิชาการ ปรุง "ยาหยอดเสน่ห์" จากครูน้อยบ้านดอยคำที่เมตตา เปิดเผยเคล็ดความรู้เป็นครั้งแรก
--------------------------------



www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ใบไม้ทอง
#ยอดและใบไม้ทอง "เถาวัลย์หลง"
------------------------------------------
เป็นมวลสารสำคัญและหายากที่ใช้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ให้ผลทางหลงไหล โชคลาภ วาสนา ซึ่งนานๆจะมีออกมาสักครั้ง
------------------------------------------
วิธีการที่จะไปนำใบไม้ทองมาใช้(พลี)ทำวัตถุมงคล ต้องทำให้ถูกต้องเมื่อได้มาแล้วครูน้อยท่านจะนำมาจารลงอัขระเลขยันต์ทางด้าน เส่นห์ โชคลาภ ทำมาหากิน และนำไปบดเป็นผงเพื่อใช้ผสมทำมวลสารต่อไป
------------------------------------------
นี่เป็นเพียงส่วนนึงในการจัดหามวสสารมาใช้สร้างวัตถุมงคลของครูน้อยครับ
------------------------------------------


------------------------------------------
เป็นมวลสารสำคัญและหายากที่ใช้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ให้ผลทางหลงไหล โชคลาภ วาสนา ซึ่งนานๆจะมีออกมาสักครั้ง
------------------------------------------
วิธีการที่จะไปนำใบไม้ทองมาใช้(พลี)ทำวัตถุมงคล ต้องทำให้ถูกต้องเมื่อได้มาแล้วครูน้อยท่านจะนำมาจารลงอัขระเลขยันต์ทางด้าน เส่นห์ โชคลาภ ทำมาหากิน และนำไปบดเป็นผงเพื่อใช้ผสมทำมวลสารต่อไป
------------------------------------------
นี่เป็นเพียงส่วนนึงในการจัดหามวสสารมาใช้สร้างวัตถุมงคลของครูน้อยครับ
------------------------------------------


ขุนแผนปะฉะดะ1
ขุนแผนในตำนานอันโดดัง💛💙💜💚
#ขุนแผนปะฉะดะสำนักเพชรแสงแก้ว จัดได้ว่าเป็นขุนแผนที่ครองใจใครหลายๆคนมาอย่างยาวนนานเป็นเวลากว่า14 ปี โดยมีที่มาขอชื่อ”ปะฉะดะ”นี้มาจาก คำ3 คำได้แก่
ปะ หมายถึง พบปะเจอหน้า เป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง
ฉะ หมายถึง การได้ครอบครอง เป็นของกันและกัน
ดะ หมายถึง ไม่จำกัดเวลา ได้ทุกที่ ทุกทาง หรืออีกนัยเรียกได้ว่าไม่เลือกหน้า
ดังนั้น ปะฉะดะ แปลว่า ........(รวมความหมายกันเอาเองนะครับ)
ขุนแผนปะฉะดะ สำนักเพชรแสงแก้วสร้างจากว่านล้วนๆและยังมีผงวิเศษที่สำคัญ4ชนิดคือ
1. ผง เสน่ห์จูงนางมีฤทธิ์ด้านเมตตามหานิยมสูง ใครเห็นใครรัก ใครเห็นใครชอบ
2. ผงยา เทพรัญจวนมีฤทธิ์ด้านมหาเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างสูง แม้กระทั้งเทพเทวดายังต้องมารักมาหลง
3. ผงยา กามตัณหามีฤทธิ์ด้านทำให้เกิดเสน่หาอยากร่วมรัก หลับนอนด้วย
4. ผงยา มหาหลงมีฤทธิ์ด้านทำให้เกิดความลุ่มหลงมัวเมาหลงใหล
โดยนำผงทั้ง4 ชนิดมาผสมรวมกันกับว่านหายในป่าลึกอีกหลายชนิด และนำมาปลุกเสกและอัญเชิญเทวาต่างๆมาสถิตอยู่ในองค์ขุนแผนดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าขุนแผนปะฉะดะ ไม่มีภูตผีปีศาจ หรือไสยดำหรือมนต์ดำที่จะเข้าตัวแต่อย่างใด
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสน่ห์ ลุ่มหลงเป็นที่ต้องตาต้องใจ ดังชื่อ ปะฉะดะสามารถใช้ได้กับทุกเพศ👨👩

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
#ขุนแผนปะฉะดะสำนักเพชรแสงแก้ว จัดได้ว่าเป็นขุนแผนที่ครองใจใครหลายๆคนมาอย่างยาวนนานเป็นเวลากว่า14 ปี โดยมีที่มาขอชื่อ”ปะฉะดะ”นี้มาจาก คำ3 คำได้แก่
ปะ หมายถึง พบปะเจอหน้า เป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง
ฉะ หมายถึง การได้ครอบครอง เป็นของกันและกัน
ดะ หมายถึง ไม่จำกัดเวลา ได้ทุกที่ ทุกทาง หรืออีกนัยเรียกได้ว่าไม่เลือกหน้า
ดังนั้น ปะฉะดะ แปลว่า ........(รวมความหมายกันเอาเองนะครับ)
ขุนแผนปะฉะดะ สำนักเพชรแสงแก้วสร้างจากว่านล้วนๆและยังมีผงวิเศษที่สำคัญ4ชนิดคือ
1. ผง เสน่ห์จูงนางมีฤทธิ์ด้านเมตตามหานิยมสูง ใครเห็นใครรัก ใครเห็นใครชอบ
2. ผงยา เทพรัญจวนมีฤทธิ์ด้านมหาเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างสูง แม้กระทั้งเทพเทวดายังต้องมารักมาหลง
3. ผงยา กามตัณหามีฤทธิ์ด้านทำให้เกิดเสน่หาอยากร่วมรัก หลับนอนด้วย
4. ผงยา มหาหลงมีฤทธิ์ด้านทำให้เกิดความลุ่มหลงมัวเมาหลงใหล
โดยนำผงทั้ง4 ชนิดมาผสมรวมกันกับว่านหายในป่าลึกอีกหลายชนิด และนำมาปลุกเสกและอัญเชิญเทวาต่างๆมาสถิตอยู่ในองค์ขุนแผนดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าขุนแผนปะฉะดะ ไม่มีภูตผีปีศาจ หรือไสยดำหรือมนต์ดำที่จะเข้าตัวแต่อย่างใด
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสน่ห์ ลุ่มหลงเป็นที่ต้องตาต้องใจ ดังชื่อ ปะฉะดะสามารถใช้ได้กับทุกเพศ👨👩

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ขุนแผนพรายกระซิบ
ปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว ท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในวิชาพรายกระซิบ
ท่านเล็งเห็นว่าเมื่อท่านได้สร้างขุนแผนแล้ว ขุนแผนนั้นย่อมต้องมีสิ่งวิเศษ
4 อย่างติดตัวที่ขาดไม่ได้คือ “พรายกระซิบ”
ท่านจึงได้นำวิชาพรายกระซิบมาสร้างเป็นวัตถุมงคลรุ่นหนึ่งชื่อว่า
“ขุนแผนพรายกระซิบ” เพราะครั้งสมัยก่อน ท่านมีลูกกรอกพรายกระซิบอยู่ 1 ตน ชื่อว่า “ไกรเพชร” ซึ่งมีความสำคัญต่อท่านมาก เป็นเหตุทำให้ฐานะของท่านเปลี่ยนไป เพราะลูกกรอกพรายกระซิบมาบอกหวยให้ท่าน ถูกทุกงวดติดต่อกันนาน 12 งวดซ้อนท่านมีเงินเก็บไว้ในปี๊บทองม้วน 2 ปี๊บเต็ม ๆ และทองคำในกระป๋องชาจีนโบราณทรงกระบอกสูงอีก 1 กระป๋อง ทำให้ท่านนั้นรักในวิชานี้มาก จากนั้นท่านจึงออกเดินทางตระเวนหาลูกกรอกพรายกระซิบชนิดต่าง ๆ ตลอด 3 ปี ปรากฏว่าท่านไม่ได้ลูกกรอกพรายกระซิบเลยสักตนเดียว แต่ได้ตำราการสร้างมาแทน
ขุนแผนพรายกระซิบ เป็นรุ่นที่พ่อค้าแม่ขายและนักเสียงโชคทั้งหลายต่างบูชากันอย่างมาก เพราะขุนแผนพรายกระซิบมีคุณวิเศษที่เน้นเรื่องโชคลาภ - เงินทอง - ลางสังหรณ์ – คุ้มครอง และที่ขาดไม่ได้ คือ เรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม จะเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย ผู้หลักผู้ใหญ่เมตตา เจ้านายรักใคร่เอ็นดู
ขุนแผนพรายกระซิบ นี้ ยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงกุมาร เพราะในองค์ขุนแผนนี้ จะมีพรายกระซิบถึง 11 ตนที่จะคอยกระซิบบอกโชคลาภ กระซิบเตือนภัยและเรื่องร้ายต่าง ๆ เปรียบเหมือนผู้บูชาเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 คอยดลจิตใจให้ผู้คนทั้งหลายนิยมชมชอบแก่ผู้บูชา หากค้าขายก็จะช่วยเรียกลูกค้าเข้ามามิให้ขาด ป้องกันสิ่งไม่ดี คุณคน คุณไสย คุณกระทำต่าง ๆ
ด้านหน้า ครูน้อยได้ออกแบบเป็น “ขุนแผนทรงมนต์” ด้านบนเป็น “มนต์หัวใจนะขุนแผน” อ่านว่า “นะสุนะโมโลนะ” มีบริวารเป็น “พรายกระซิบ” คอยช่วยเหลือเรื่องเตือนภัย-คุ้มครองและเรียกจิตผู้ที่หมายปอง
ด้านหลัง เป็น “แม่นางพรายเรียกทรัพย์” ไว้คอยให้พรให้โชคลาภแก่ผู้บูชา ล้อมด้วยมนต์หัวใจกุมารทอง หัวใจพรายกระซิบ อ่านว่า “กะระมะถะ” และ ยันต์แม่นางพรายเรียกทรัพย์

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
“ขุนแผนพรายกระซิบ” เพราะครั้งสมัยก่อน ท่านมีลูกกรอกพรายกระซิบอยู่ 1 ตน ชื่อว่า “ไกรเพชร” ซึ่งมีความสำคัญต่อท่านมาก เป็นเหตุทำให้ฐานะของท่านเปลี่ยนไป เพราะลูกกรอกพรายกระซิบมาบอกหวยให้ท่าน ถูกทุกงวดติดต่อกันนาน 12 งวดซ้อนท่านมีเงินเก็บไว้ในปี๊บทองม้วน 2 ปี๊บเต็ม ๆ และทองคำในกระป๋องชาจีนโบราณทรงกระบอกสูงอีก 1 กระป๋อง ทำให้ท่านนั้นรักในวิชานี้มาก จากนั้นท่านจึงออกเดินทางตระเวนหาลูกกรอกพรายกระซิบชนิดต่าง ๆ ตลอด 3 ปี ปรากฏว่าท่านไม่ได้ลูกกรอกพรายกระซิบเลยสักตนเดียว แต่ได้ตำราการสร้างมาแทน
ขุนแผนพรายกระซิบ เป็นรุ่นที่พ่อค้าแม่ขายและนักเสียงโชคทั้งหลายต่างบูชากันอย่างมาก เพราะขุนแผนพรายกระซิบมีคุณวิเศษที่เน้นเรื่องโชคลาภ - เงินทอง - ลางสังหรณ์ – คุ้มครอง และที่ขาดไม่ได้ คือ เรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม จะเป็นที่รักแก่คนทั้งหลาย ผู้หลักผู้ใหญ่เมตตา เจ้านายรักใคร่เอ็นดู
ขุนแผนพรายกระซิบ นี้ ยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเลี้ยงกุมาร เพราะในองค์ขุนแผนนี้ จะมีพรายกระซิบถึง 11 ตนที่จะคอยกระซิบบอกโชคลาภ กระซิบเตือนภัยและเรื่องร้ายต่าง ๆ เปรียบเหมือนผู้บูชาเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 คอยดลจิตใจให้ผู้คนทั้งหลายนิยมชมชอบแก่ผู้บูชา หากค้าขายก็จะช่วยเรียกลูกค้าเข้ามามิให้ขาด ป้องกันสิ่งไม่ดี คุณคน คุณไสย คุณกระทำต่าง ๆ
ด้านหน้า ครูน้อยได้ออกแบบเป็น “ขุนแผนทรงมนต์” ด้านบนเป็น “มนต์หัวใจนะขุนแผน” อ่านว่า “นะสุนะโมโลนะ” มีบริวารเป็น “พรายกระซิบ” คอยช่วยเหลือเรื่องเตือนภัย-คุ้มครองและเรียกจิตผู้ที่หมายปอง
ด้านหลัง เป็น “แม่นางพรายเรียกทรัพย์” ไว้คอยให้พรให้โชคลาภแก่ผู้บูชา ล้อมด้วยมนต์หัวใจกุมารทอง หัวใจพรายกระซิบ อ่านว่า “กะระมะถะ” และ ยันต์แม่นางพรายเรียกทรัพย์

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ขุนแผนพญางึด
“วิชาสะกดนางหลง” หรือ “มนต์พญางึดสะกดใจ”
ที่ขุนแผนเคยได้ใช้ร่ายมนต์ใส่นางลาวทอง
ที่สุดแล้วขุนแผนก็ได้นางลาวทองมาเชยชม และปู่หมอนาคเองก็เคยลองใช้
“วิชาสะกดนางหลง” กับสาวน้อยคนหนึ่ง
ท่านก็ได้ผู้หญิงคนนั้นมาเชยชมทั้งกายใจเช่นกัน
ถือเป็นวิชาที่ดีทางมหาเสน่ห์มีอานุภาพรุนแรงมาก หากผู้ใดได้โดนมนต์นี้
จะทำให้ผู้นั้นรักและหลงผู้กระทำมนต์ไม่มีเสื่อมคลาย
แต่ทว่าผู้ที่จะกระทำต้องช้ำชองเรื่องอาคมอย่างมาก
ถ้าใครได้ไปพบคนที่หมายปองท่านก็ให้เสกมนต์นี้ใส่ดอกนะพัวพันใหญ่ให้ได้ 108
จบ
ผู้ที่หมายปองจะทะนงตนหรือจะหยิ่งกับเราแค่ไหนก็ต้องได้เขามาเชยชมทั้งกายใจ
แม้นไม่ได้ผสมให้กิน(ถ้าได้กินจะขนาดไหนนี่) ชายใดมีไว้ติดตัว
จะไปมาหาสู่บ้านของผู้หญิงคนไหน
คนในบ้านรักดั่งลูกในอก

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ขุนแผนพรายพญาหลง
ขุนแผนพรายพญาหลง ความเจริญในชีวิต อำนาจวาสนาบารมี
เป็นศิริมงคลหนุนส่งดวงชะตา ทำมาหากินค้าขายเจริญรุ่งเรือง
เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงงาน คำดวงหนุนดวงชะตา
แก้ปัญหาในเรื่องรักสามเศร้า สามีภรรยานอกใจ แก้ดวงคนไร้คู่ ใช้คุมลูกน้องให้อยู่ในโอวาส
หรือลูกน้องต้องการให้เจ้านายรัก ให้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ดวงดี มีราศรี
หรือนักธุรกิจ ที่ต้องการให้การค้าเจริญรุ่งเรือง
ส่วนเรื่องเสน่ห์ดมมตานั้นเป็นมหาละลวย
สามีภรรยาไม่นอกใจกัน เป็นวิชาเสริมวาสนาของเราอีกด้วย
ด้านหน้าของขุนแผนพรายพญาหลง
ออกเป็นรูปเทพเทวดาใบหน้าอิ่มเอิบ มีสง่าราศีเป็นผู้เจริญลาภเจริญยศสรรเสริญโดยครูน้อยท่านได้อันเชิญเทพผู้ทรงฤทธิ์ทางเสริมวาสนาบารมี หนุนดวงชะตา มาสถิตในองค์ขุนแผนพรายพญาหลง เพื่อบันดาลให้ผู้บูชาประสบความเจริญในชีวิต
ด้านหลังของขุนแผนพรายพญาหลง
ลงอักขระมนต์เสริมดวงวาสนาบารมีหนุนดวงชะตา “นะเมตตา นะชาลิติ อิธเจตะโสทัฬหังคัณหาหิถามะ สามุทุจิตตัง ภัทเท เหอิตถียา ปุปผังสา อุปัชชติ เอหิปิยังมะมะ จะวิอันตัง”
ด้านหน้าของขุนแผนพรายพญาหลง
ออกเป็นรูปเทพเทวดาใบหน้าอิ่มเอิบ มีสง่าราศีเป็นผู้เจริญลาภเจริญยศสรรเสริญโดยครูน้อยท่านได้อันเชิญเทพผู้ทรงฤทธิ์ทางเสริมวาสนาบารมี หนุนดวงชะตา มาสถิตในองค์ขุนแผนพรายพญาหลง เพื่อบันดาลให้ผู้บูชาประสบความเจริญในชีวิต
ด้านหลังของขุนแผนพรายพญาหลง
ลงอักขระมนต์เสริมดวงวาสนาบารมีหนุนดวงชะตา “นะเมตตา นะชาลิติ อิธเจตะโสทัฬหังคัณหาหิถามะ สามุทุจิตตัง ภัทเท เหอิตถียา ปุปผังสา อุปัชชติ เอหิปิยังมะมะ จะวิอันตัง”
จัดได้ว่าเป็นรุ่นนี้ออกแบบและปลุกเสกมาครบเครื่อง บุชาคล้องคอองค์เดียวจบ

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
พระลักษณ์หน้าทอง
วิชาพระลักษณ์หน้าทอง เป็นวิชาแห่งเมตตามหานิยมที่มีอนุภาพสูงส่ง
สืบเนื่องจากเรื่องราวในตำนานที่เลื่องลือของไทยเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ
“รามเกียรติ์” ตำนานเล่าขานถึง “พระลักษณ์” บุรุษผู้เลอโฉม มีสง่าราศี
ผิวพรรณผุดผ่องงามดั่งทองคำ จักไปแห่งหนใด
เป็นที่นิยมชมชอบจากผู้พบเห็นยิ่งนัก คณาจารย์จึงได้นำเคล็ดนี้มาเป็น
วิชาทางเมตตามหานิยม สายวิชาพระลักษณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของ
ครูบาอาจารย์สมัยโบราณ
ครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านเคยเล่าถึงวิชาแห่งเมตตามหานิยมให้ฟังว่า
เมื่อครั้งที่ท่านฝึกวิชานี้ใหม่ ผู้ที่จะร่ำเรียนต้องดั้นด้นเดินทางเข้าไปยังป่าลึก เพื่อต้องการให้ผู้ฝึกเรียน “มีเมตตาอันสูงส่ง” เพราะเป็นส่วนสัมพันธ์กันกับเรื่อง “วิชาทางเมตตามหานิยม” ทั้งสิ้นโดยให้ผู้ฝึกเรียนเข้าป่าไปเผชิญอันตรายต่าง ๆ เช่น อยู่กินนอนกินในถ้ำเสือโคร่งใหญ่ , ทำตัวกลมกลืนกับเก้งกวางป่าหรืออยู่กินกับลิงน้อยใหญ่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม หากผู้ฝึกวิชาโดนสัตว์ทำร้าย ห้ามต่อสู้และห้ามโกรธอย่างเด็ดขาดและต้องแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านั้น จนสัตว์เหล่านั้นมองว่าเป็นผู้บำเพ็ญบุญ เมื่อฝึกวิชานี้จนชำนาญ มีจิตใจผุดผ่องปราศจากความโกรธทั้งปวงแล้ว จึงหัดท่องพระคาถาครูแห่งบทเมตตา ซึ่งครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านใช้คาถาบทนี้เวลาพบกับสัตว์ร้าย
หากสัตว์ร้ายนั้น เมื่อเข้ามาเผชิญหน้าแล้วหลีกทางให้ผู้ฝึกเรียนอย่างง่ายดาย ถือเป็นอันใช้ได้ พระคาถานี้มีอยู่ว่า
“เตเตมัสสะ จิตตะ จิตตัง มหาจิตตะ เอหิชัยยะ เอหิ พันธัง พะหูชะนา เตเตสวาหะ วิกรึงจิตตะคะเรตุง”
ขั้นตอนการฝึกต่อไป ครูบาอาจารย์ท่านจะสอนวิชามหานิยมโดยให้บริกรรมคาถาในดงเหล่าสัตว์ที่สมาธิสั้น เช่น ลิง ค่าง ชะนี เป็นต้น ส่วนใหญ่ให้กระทำในดงป่ากล้วย ด้วยคาถานี้ “นะวิเศษ โมเมตตา พุทธครวญหา
ด้วยจิตอาทร ธาให้ออดอ้อน ถอนมนต์มิได้ ยะรำไห้นำมาหากู เอหิสรรพธาเอหิ” ท่องจนกว่าลิงทั้งหลายจะปีนป่ายนำกล้วยทั้งหวีมาวางไว้ตรงหน้าของผู้ฝึกเรียนจนหมดทั้งป่า มีเคล็ดวิเศษที่ว่า “ลิงเหล่านั้นต้องไม่หยิบกล้วยที่นำมาให้ไปกินแม้แต่นิดเดียว” ท่านว่าเป็นอันสำเร็จวิชาโดยแท้จริง
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือ หัวใจหลักสำคัญแห่งวิชาเมตตามหานิยม เมื่อสำเร็จวิชาแล้วครูบาอาจารย์ท่านจะสอนวิชาย่อยต่าง ๆ เช่น วิชาพระลักษณ์หน้าทอง และวิชานะอ่อนใจรัก ซึ่งเคล็ดวิชานี้จะมีมนต์เสน่ห์ยาแฝดเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านสำเร็จและเป็นเอกในวิชานี้ด้วย
จากตำราเก่ากล่าวไว้ว่า “ก่อนที่จักทำวิชา ให้อยู่เยี่ยงอินทร์ กินเยี่ยงพรหม ทั้งไตรมาสเสียก่อน” มิให้ออกไปไหนโดยเด็ดขาด การอยู่เยี่ยงอินทร์ อธิบายดังนี้ คือ การบำเพ็ญเพียรตามอิริยาบถต่าง ๆ มิใช่จะทำสมาธิเพียงอย่างเดียว แต่ว่าทำให้ฝึกวิชาอาคมต่าง ๆ ไปด้วย และกินเยี่ยงพรหม ก็คือ “เว้นจากสิ่งขบขัน” ตลอดไตรมาส
ครูน้อยท่านว่ากินได้เพียงน้ำส้มคั้นเท่านั้น ด้วยเหตุว่าเป็นการล้างร่างกายให้ปลอดโปร่ง ครั้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2555 ครูน้อยท่านพิจารณาไตร่ตรองถึงหลักวิชาจากครูฤาษีที่ได้ร่ำเรียนมา บนเทือกเขาหิมาลัยประเทศอินเดีย เห็นว่า “วิชาพระลักษณ์หน้าทอง” นั้นมีคุณประโยชน์เหลือคณานับ หากได้นำแก่นวิชาที่แท้จริงนี้มาสร้างเป็นวัตถุมงคลคงดีมิใช่น้อย
หลังจากนั้นครูน้อยท่านจึงได้สร้างสูตรว่านยา 3 แขนง
1. สูตรว่านยาทางเมตตามหานิยม
2. สูตรว่านยาทางมหาเสน่ห์ยาแฝด
3. สูตรว่านยามหาจักรพรรดิและสูตรมหาอุดม
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สูตรว่านยาทางเมตตามหานิยม ประกอบด้วย ว่านเทพรำพึง,ว่านสาลิกาลิ้นทอง,ว่านพัดโบก,ว่านพุทธกวัก,
ว่านมหานิยม,ว่านมหาอุดม,ว่านเขียวพันปี และว่านเฉลิม เมื่อได้มาแล้วท่านให้ลงอักขระ
“นะวิเศษเมตตา” จากนั้นท่านให้ท่องคาถา “นะวิเศษ เมตตาโม เทพชักยันต์ลงหน้า พุทเสด็จลงมาขัดราศรี
ธาให้สว่างทั่วท้องธรณี ยะให้เป็นรัศมีผุดผ่องกายา” ฯลฯ 1,008 จบ
(ลงบางส่วนเท่านั้นครับเนื้อความคาถายาวมาก)
2. สูตรว่านยาทางมหาเสน่ห์ยาแฝดประกอบด้วยว่านดอกทองมหาเสน่ห์,ดอกรักซ้อน,ดอกสาวหลง,
ว่านห้าร้อยนาง,ว่านพญากาหลง,ว่านพญาลึงค์คลึงนาง,ว่านเทพรัญจวน,ว่านกล่องนางนอน,
ว่านนางพญาห้าร้อย,ว่านฤาษี และว่านสาวหลง เมื่อได้มาแล้วท่านให้ลงอักขระ “นะกามมะตัณหา”
เมื่อลงอักขระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ท่องคาถานี้ “กามมะตัณหา ภะวะตัณหา กามมะคุณณัง โอมสะโหมติดติ
โอมรำพึงมหารำพึง นะมัดจิตให้คิดถึง นะมัดรำพึงตรึงจิตตรึงใจ สะโหมติอยู่มิได้ โอมสะโหมติ อมร้องให้มาหา
กู อยู่วันละ 7 หน โอมสิทธิสวาหะ สหวาโหมติด”
3. สูตรว่านยามหาจักรพรรดิและสูตรมหาอุดม ประกอบด้วย ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี,ว่านกวักโพธิ์เงิน,
ว่านกวักนางพญาเผือก,ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์,ว่านเงินไหลมา,ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว,ว่านถุงเงินถุงทอง,
ว่านไก่ฟ้าพญาลอ,ว่านพญากาเผือก,ว่านพระฉิม,ว่านปู่โสมเฝ้าทรัพย์ และว่านดอกทองมหาลาภ
เมื่อได้มาแล้วท่านให้ลงอักขระ “แม่ระรี จิตตะจิตตัง ลาภังเอหิ” แล้วให้ปลุกเสกคาถานี้
“โอมระรีมหาระรี 32 ห. มาแวด ค. ซื้อง่ายขายรวย ถอก ค. กลับบ้าน มานิมามา เอหิสวาหะ โอมละลวยมหาละลวย 32 ค. มาแวด ห. ซื้อง่ายขายดี แหก ห. กลับบ้าน มานิมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ โอมมานังหญิงชายอย่าชัง มามารักกู สหวาหะกูนะ มานิมามา ลาภังเอหิ” ท่านให้ท่อง 1,008 จบ เป็นอันใช้ได้
สุดท้ายเมื่อได้ผงยันต์ทั้ง 3 แล้ว ครูน้อยท่านจึงทำการกดพิมพ์พร้อมปลุกเสก ท่านใช้เวลาเสกเป่ามนต์ด้วยสรรพวิชาที่ได้เรียนมาอยู่หลายวัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า “พระลักษณ์หน้าทอง” ที่ท่านได้สร้างนั้นดีจริงไม่แพ้ใคร
จึงกล่าวได้ว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ของครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านได้สร้างอย่างสุดฝีมือเลยทีเดียวเชียว
มนต์เสน่ห์พระลักษณ์หน้าทอง (ขออนุญาตครูน้อยนำมาลงบางส่วนเท่านั้นครับ)
“นะอ่อนใจรักโมชักมานอนพุทธสวมกอดยอดรักเสน่หาธาเช็ดน้ำตามาสู่ยะเห็นหน้ากูอยู่มิได้ร้องไห้มาหากูนะสวาหะ”

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
วิชาทางเมตตามหานิยม สายวิชาพระลักษณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของ
ครูบาอาจารย์สมัยโบราณ
ครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านเคยเล่าถึงวิชาแห่งเมตตามหานิยมให้ฟังว่า
เมื่อครั้งที่ท่านฝึกวิชานี้ใหม่ ผู้ที่จะร่ำเรียนต้องดั้นด้นเดินทางเข้าไปยังป่าลึก เพื่อต้องการให้ผู้ฝึกเรียน “มีเมตตาอันสูงส่ง” เพราะเป็นส่วนสัมพันธ์กันกับเรื่อง “วิชาทางเมตตามหานิยม” ทั้งสิ้นโดยให้ผู้ฝึกเรียนเข้าป่าไปเผชิญอันตรายต่าง ๆ เช่น อยู่กินนอนกินในถ้ำเสือโคร่งใหญ่ , ทำตัวกลมกลืนกับเก้งกวางป่าหรืออยู่กินกับลิงน้อยใหญ่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม หากผู้ฝึกวิชาโดนสัตว์ทำร้าย ห้ามต่อสู้และห้ามโกรธอย่างเด็ดขาดและต้องแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านั้น จนสัตว์เหล่านั้นมองว่าเป็นผู้บำเพ็ญบุญ เมื่อฝึกวิชานี้จนชำนาญ มีจิตใจผุดผ่องปราศจากความโกรธทั้งปวงแล้ว จึงหัดท่องพระคาถาครูแห่งบทเมตตา ซึ่งครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านใช้คาถาบทนี้เวลาพบกับสัตว์ร้าย
หากสัตว์ร้ายนั้น เมื่อเข้ามาเผชิญหน้าแล้วหลีกทางให้ผู้ฝึกเรียนอย่างง่ายดาย ถือเป็นอันใช้ได้ พระคาถานี้มีอยู่ว่า
“เตเตมัสสะ จิตตะ จิตตัง มหาจิตตะ เอหิชัยยะ เอหิ พันธัง พะหูชะนา เตเตสวาหะ วิกรึงจิตตะคะเรตุง”
ขั้นตอนการฝึกต่อไป ครูบาอาจารย์ท่านจะสอนวิชามหานิยมโดยให้บริกรรมคาถาในดงเหล่าสัตว์ที่สมาธิสั้น เช่น ลิง ค่าง ชะนี เป็นต้น ส่วนใหญ่ให้กระทำในดงป่ากล้วย ด้วยคาถานี้ “นะวิเศษ โมเมตตา พุทธครวญหา
ด้วยจิตอาทร ธาให้ออดอ้อน ถอนมนต์มิได้ ยะรำไห้นำมาหากู เอหิสรรพธาเอหิ” ท่องจนกว่าลิงทั้งหลายจะปีนป่ายนำกล้วยทั้งหวีมาวางไว้ตรงหน้าของผู้ฝึกเรียนจนหมดทั้งป่า มีเคล็ดวิเศษที่ว่า “ลิงเหล่านั้นต้องไม่หยิบกล้วยที่นำมาให้ไปกินแม้แต่นิดเดียว” ท่านว่าเป็นอันสำเร็จวิชาโดยแท้จริง
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือ หัวใจหลักสำคัญแห่งวิชาเมตตามหานิยม เมื่อสำเร็จวิชาแล้วครูบาอาจารย์ท่านจะสอนวิชาย่อยต่าง ๆ เช่น วิชาพระลักษณ์หน้าทอง และวิชานะอ่อนใจรัก ซึ่งเคล็ดวิชานี้จะมีมนต์เสน่ห์ยาแฝดเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านสำเร็จและเป็นเอกในวิชานี้ด้วย
จากตำราเก่ากล่าวไว้ว่า “ก่อนที่จักทำวิชา ให้อยู่เยี่ยงอินทร์ กินเยี่ยงพรหม ทั้งไตรมาสเสียก่อน” มิให้ออกไปไหนโดยเด็ดขาด การอยู่เยี่ยงอินทร์ อธิบายดังนี้ คือ การบำเพ็ญเพียรตามอิริยาบถต่าง ๆ มิใช่จะทำสมาธิเพียงอย่างเดียว แต่ว่าทำให้ฝึกวิชาอาคมต่าง ๆ ไปด้วย และกินเยี่ยงพรหม ก็คือ “เว้นจากสิ่งขบขัน” ตลอดไตรมาส
ครูน้อยท่านว่ากินได้เพียงน้ำส้มคั้นเท่านั้น ด้วยเหตุว่าเป็นการล้างร่างกายให้ปลอดโปร่ง ครั้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2555 ครูน้อยท่านพิจารณาไตร่ตรองถึงหลักวิชาจากครูฤาษีที่ได้ร่ำเรียนมา บนเทือกเขาหิมาลัยประเทศอินเดีย เห็นว่า “วิชาพระลักษณ์หน้าทอง” นั้นมีคุณประโยชน์เหลือคณานับ หากได้นำแก่นวิชาที่แท้จริงนี้มาสร้างเป็นวัตถุมงคลคงดีมิใช่น้อย
หลังจากนั้นครูน้อยท่านจึงได้สร้างสูตรว่านยา 3 แขนง
1. สูตรว่านยาทางเมตตามหานิยม
2. สูตรว่านยาทางมหาเสน่ห์ยาแฝด
3. สูตรว่านยามหาจักรพรรดิและสูตรมหาอุดม
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สูตรว่านยาทางเมตตามหานิยม ประกอบด้วย ว่านเทพรำพึง,ว่านสาลิกาลิ้นทอง,ว่านพัดโบก,ว่านพุทธกวัก,
ว่านมหานิยม,ว่านมหาอุดม,ว่านเขียวพันปี และว่านเฉลิม เมื่อได้มาแล้วท่านให้ลงอักขระ
“นะวิเศษเมตตา” จากนั้นท่านให้ท่องคาถา “นะวิเศษ เมตตาโม เทพชักยันต์ลงหน้า พุทเสด็จลงมาขัดราศรี
ธาให้สว่างทั่วท้องธรณี ยะให้เป็นรัศมีผุดผ่องกายา” ฯลฯ 1,008 จบ
(ลงบางส่วนเท่านั้นครับเนื้อความคาถายาวมาก)
2. สูตรว่านยาทางมหาเสน่ห์ยาแฝดประกอบด้วยว่านดอกทองมหาเสน่ห์,ดอกรักซ้อน,ดอกสาวหลง,
ว่านห้าร้อยนาง,ว่านพญากาหลง,ว่านพญาลึงค์คลึงนาง,ว่านเทพรัญจวน,ว่านกล่องนางนอน,
ว่านนางพญาห้าร้อย,ว่านฤาษี และว่านสาวหลง เมื่อได้มาแล้วท่านให้ลงอักขระ “นะกามมะตัณหา”
เมื่อลงอักขระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ท่องคาถานี้ “กามมะตัณหา ภะวะตัณหา กามมะคุณณัง โอมสะโหมติดติ
โอมรำพึงมหารำพึง นะมัดจิตให้คิดถึง นะมัดรำพึงตรึงจิตตรึงใจ สะโหมติอยู่มิได้ โอมสะโหมติ อมร้องให้มาหา
กู อยู่วันละ 7 หน โอมสิทธิสวาหะ สหวาโหมติด”
3. สูตรว่านยามหาจักรพรรดิและสูตรมหาอุดม ประกอบด้วย ว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี,ว่านกวักโพธิ์เงิน,
ว่านกวักนางพญาเผือก,ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์,ว่านเงินไหลมา,ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว,ว่านถุงเงินถุงทอง,
ว่านไก่ฟ้าพญาลอ,ว่านพญากาเผือก,ว่านพระฉิม,ว่านปู่โสมเฝ้าทรัพย์ และว่านดอกทองมหาลาภ
เมื่อได้มาแล้วท่านให้ลงอักขระ “แม่ระรี จิตตะจิตตัง ลาภังเอหิ” แล้วให้ปลุกเสกคาถานี้
“โอมระรีมหาระรี 32 ห. มาแวด ค. ซื้อง่ายขายรวย ถอก ค. กลับบ้าน มานิมามา เอหิสวาหะ โอมละลวยมหาละลวย 32 ค. มาแวด ห. ซื้อง่ายขายดี แหก ห. กลับบ้าน มานิมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ โอมมานังหญิงชายอย่าชัง มามารักกู สหวาหะกูนะ มานิมามา ลาภังเอหิ” ท่านให้ท่อง 1,008 จบ เป็นอันใช้ได้
สุดท้ายเมื่อได้ผงยันต์ทั้ง 3 แล้ว ครูน้อยท่านจึงทำการกดพิมพ์พร้อมปลุกเสก ท่านใช้เวลาเสกเป่ามนต์ด้วยสรรพวิชาที่ได้เรียนมาอยู่หลายวัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า “พระลักษณ์หน้าทอง” ที่ท่านได้สร้างนั้นดีจริงไม่แพ้ใคร
จึงกล่าวได้ว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ของครูน้อย บ้านดอยคำ ท่านได้สร้างอย่างสุดฝีมือเลยทีเดียวเชียว
มนต์เสน่ห์พระลักษณ์หน้าทอง (ขออนุญาตครูน้อยนำมาลงบางส่วนเท่านั้นครับ)
“นะอ่อนใจรักโมชักมานอนพุทธสวมกอดยอดรักเสน่หาธาเช็ดน้ำตามาสู่ยะเห็นหน้ากูอยู่มิได้ร้องไห้มาหากูนะสวาหะ”

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ขุนแผนมนต์เทพผูกจิต
อันว่าขุนแผนมนต์เทพผูกจิต ทำเป็นนิตย์แล้วไซร้ใครก็สม
หากรัญจวนชวนคิดจิตระทม ใช้อาคมผูกดวงบ่วงฤทธา
เหตุสัมฤทธิ์เสร็จกิจนั้นมีสาม ให้ทำตามดั่งตำราเสน่หา
มีสูตรว่านสูตรเลขยันต์ถรรพณ์มนตรา เป็นสรรพาอานุฤทธิ์ พิชิตชัย
ว่าด้วยเรื่องว่านยามหาเล่ห์ กลเสน่ห์ลุ่มหลงสมพงษ์หมาย
แม่ดอกทองแม่ตานีกากีพราย สามสหายเป็นตัวเร่งเก่งโลกีย์
นำผสมใส่ว่านเสพเทพรัญจวน ฤทธิ์ชักชวนจิตคนมามิมีหนี
เมื่อได้มาเป็นภรรยาหรือสามี สิ้นชีวีย่อมให้ได้ทั้งโลกา
ด้านหน้าทำรูปกล้าแกร่งแห่งเทวา แล้วล้อมว่าสุนะโมโลอัปสา
หัวใจเวทย์เดชขุนแผนแสนฤทธา ยอดคาถามหาคงดำรงพร
ซุ้มด้านหลังฝังมนต์มานิมา โอมนะชาลิติสิริไส
ให้นำเงินนำทองลำพองไพร นำมาให้ไม่ว่าใครก็ต้องยอม
ผูกด้วยมนต์นกสาลิการ้องทัก ใช้ดีนักเรื่องวาจาพาทีหอม
ใครก็ใคร่เข้ามาทักรักดมดอม ใคร่ถนอมหอมนวลชวนตรอมตรม
ด้านซ้ายขวาทำยันต์ทรวงดวงหญิงชาย แล้วกระจายมนต์จิตตังฝังให้ทั่ว
เป็นยันต์มนต์ผัวรักเมียเมียหลงผัว หลงจนหัวปักหัวปำคร่ำครวญคลอน
เสกคาถามนตรามหาวน นะร้อนรนโมคิดถึงรำพึงสรณ์
พุทธประจักษ์อ่อนใจรักชักมานอน ธาอาวรณ์ยะครวญหาทุกราตรี
ยอดวิชาเล่ห์ลมพัดอัศจรรย์ ฤทธานั้นเป็นเลิศประเสริฐศรี
ทั้งผัวรักแลเมียหลงงวยงงดี ดวงจิตตี รักจนตาย มิคลายเอย
จารึกในคัมภีร์โบราณอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถอดบทความแล้ว คณาจารย์ท่านได้บอกถึงกระบวนการสร้างขุนแผนมนต์เทพผูกจิตอย่างละเอียด ท่านว่าผู้ใดกระทำวิชานี้อยู่เสมอ จะบังเกิดเป็นนะเมตตามหาเสน่ห์รุนแรง จะสมความปรารถนาแห่งรักทุกประการในมิช้า ทั้งนี้ทั้งนั้นในบทความดังกล่าว ผมขอนำเสนอบางส่วนเท่านั้น หากจะเล่าหรืออธิบายถึงวิธีการสร้างจริง ๆ คงต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตของผู้เขียนถึงจะหมด จุดสำคัญในการสร้างขุนแผนมนต์เทพผูกจิตให้ทรงอิทธิฤทธิ์แรงกล้า คณาจารย์ท่านว่ามีหลักสำคัญ 3 อย่าง คือ
1. ล่วงรู้ตำรับว่านยา
2. ล่วงรู้อักขระเลขยันต์
3. ล่วงรู้มนต์ตรา
ว่านยาอันเป็นมวลสาระสำคัญ 3 อย่าง คือ
1. ดอกทองมหาเสน่ห์ มีลักษณะหัวคล้ายขมิ้นชัน แตกออกไปหลายหัวเลื้อยไป การเดินทางของหัวไม่มีการย้อนหลัง จะเดินไปเพียงทางเดียวกัน ลักษณะของปลายหัวเหมือนปลายองคชาติ เนื้อในหัวมีสีขาว กลิ่นคาวคล้ายน้ำอสุจิ ใบคล้ายขมิ้นชันแต่เล็กกว่า ก้านเขียว พื้นใบเขียว ร่องกระดูกใบเป็นสีแดง แตกเป็นเส้น ๆ ปีนของร่องใบ “ดอก” ขึ้นที่โคนต้นคล้ายดอกจำปีตูม เป็นสีเหลืองอ่อน บานอ้าคล้ายปากโยนี(เพศหญิง) เกสรเหลืองมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นสวาทจะออกกลิ่นหอมประตอนเที่ยงคืนถึงตีสาม ดีทางเมตตามหาเสน่ห์ ราคะ กำหนัด ใช้ทางสายเสน่ห์ตับล่างใต้สะดือฉมังนักแล
2. น้ำมันแม่ตานี หรือที่เรียกกันว่า น้ำมันพรายตานี (จากต้นกล้วยตานี) ด้วยพิธีกรรมใช้คาถามนต์ทิพยาธร เสพสมกับนางตานีทางจิต จนกระทั่งต้นตานีนั้นตกเครือออกมาและตายพราย (ตายเองตามธรรมชาติ) จึงทำพิธีตัดมาเคี่ยวเวลากลางคืนขึ้น 15 ค่ำ ให้ได้ 7 ครั้ง จึงสำเร็จ ใช้ด้านเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย นำพาโชคลาภทั้งหลายมาสู่ผู้ครอบครอง
3. ดอกกากีตายพราย (เกิดเองตายเองตามธรรมชาติ)ตามตำราโบราณท่านว่า เมื่อพบว่านกากีตายพรายแล้ว ท่านให้พึงคำนวณหาฤกษ์ พญาวันอย่างหนึ่ง วันอัมฤตโชคอย่างหนึ่ง วันจันทร์ตรีอย่างหนึ่ง วันเพ็ญประจำปีอย่างหนึ่ง เมื่อหาฤกษ์ได้แล้ว ก่อนวันไปทำพิธีขุดกู้ว่านนำมาทำมวลสารวัตถุมงคล ท่านให้ถือศีลอุโบสถ ชำระกายใจให้บริสุทธิ์เสีย 7 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าป่าเจ้าเขาและเทวดาประจำว่านที่เราจะไปพลีเอามา เมื่อวันไปพลีขอเอามาท่านให้จัดกระทงใบตอง 4 กระทง กระทงที่ 1 ใส่เงินบูชาครู กระทงที่ 2 ให้ใส่เครื่องยำ กระทงที่ 3 ใส่ขนมหวาน กระทงที่ 4 ใส่หมากพลู 3 คำ ,บุหรี่ 3 ม้วน,ดอกไม้ขาว 10 ดอก,เทียนสีขาว 10 เล่ม,ธูป 10 ดอก จึงทำพิธีกู้ว่านได้ >>>ดอกกากีตายพรายนี้ มีอนุภาพทางดลจิตดลใจ เรียกจิตเรียกใจคนรัก เป็นเสน่ห์ผัวรักเมียหลง หากผสมให้คนรักกิน เกิดความสวาทรักเรา ไม่คิดนอกใจ รักกันชั่วนิรันดร์
ว่านทั้ง 3 นี้ เมื่อได้นำมาผสมเข้ากับว่านเทพรัญจวนแล้ว จะเกิดเป็นผงทางเรียกจิตดลใจชั้นเลิศ ทำให้ผู้ที่ถูกกระทำเกิดเสน่ห์ลุ่มหลง ดั่งไฟสุ่มทรวง เร่าร้อนในทางโลกีย์ กามตัณหาและกามมัวเมา พิศวาสคร่ำครวญหาผู้กระทำดั่งใจจะขาดดิ้น ผงวิเศษอันศักดิ์สิทธิ์นี้ มีคุณอนันต์ทางเสน่ห์ผูกจิต มัดจิตมัดใจ ไม่มีวันเสื่อมคลาย เมื่อได้ผงวิเศษดังกล่าวมาแล้ว ท่านให้ออกแบบขุนแผนมนต์เทพผูกจิต มีรูปลักษณ์ดังนี้
ด้านหน้า
ออกแบบเป็นเทพผู้งามสง่า ประจุด้วยมนต์หัวใจขุนแผน “สุนะโมโล”
ด้านหลัง
1. ลงอักขระ “มานิมา และ นะชาลิติ” ความหมายว่า ให้ผู้คนทั้งหลายนำพาลาภทรัพย์สิน เงินทอง มาให้เรา
2. เขียนยันต์นกสาลิการ้องทัก ฉมังนักเรื่องเสน่ห์แห่งการเจรจา ใช้เกี้ยวพาราสีดีนำแล เมื่อเจรจากับผู้ใด เกิดเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงส่ง ใครเห็นใครก็รัก นิยมชมชอบแม้จะสูงต่ำดำขาวซักเพียงใด ก็จะมีแต่คนมอบความรัก ความเมตตาให้เสมอ
3. ด้านซ้าย-ขวา ท่านให้ทำเป็นยันต์ผูกดวงหญิงชาย
4. ปิดล้อมด้วยมนต์คาถาเรียกจิต (จิตตัง) ความหมายคือ ให้หญิง-ชายทั้งหลายมาหลงรักในตัวเราอย่างหนัก เหมือนการทำเสน่ห์ผูกดวงในสมัยโบราณ ครูน้อยท่านบอก “ใช้ในการทำเสน่ห์ผูกจิตคนรักและเสน่ห์ผัวรักผัวหลง-เมียรักเมียหลง ประเสริฐนักแล”
เมื่อได้รูปลักษณ์ (กดพิมพ์เรียบร้อยแล้ว) ท่านให้ปลุกเสกด้วยมนต์คาถามหาวนหรือจะเรียกว่า “มนต์คาถาวนเวียน”อีก 1,008 จบ จากนั้นร่ายมนต์ทางการทำเสน่ห์อีก 24 บท และปิดวิชาด้วยมนต์พ่อขุนแผนทุกบท อย่างละ 3,600 จบ อันเป็นเสร็จพิธี จึงจะเรียกได้ว่าทำพิธีจัดสร้าง “ขุนแผนมนต์เทพผูกจิต” ได้สมบูรณ์ครบถ้วนตามตำรา
คุณวิเศษขุนแผนมนต์เทพผูกจิต
1. ผู้ใดมีไว้ครอบครอง จักบังเกิดเป็นมหาเสน่ห์เปรียบเสมือนเป็นผู้กระทำเสน่ห์เรียกจิตเรียกใจคนรัก ให้อยากครองรักกับผู้บูชาตราบชั่วฟ้าดินสลาย
2. เป็นเสน่ห์ผัวเมียหลง ไม่คิดนอกใจเป็นอื่น ลดปัญหาการหย่าร้าง เลิกรากัน
3. ชักพาให้คนทั้งหลาย นำลาภ เงินทอง ทรัพย์สมบัติมาให้เรา เพราะบนพื้นฐานแห่งความสมบูรณ์พูนสุขต้องมีปัจจัยนี้อยู่ด้วย
กราบขอบพระคุณครูน้อย บ้านดอยคำ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาและความรู้แก่ศิษย์คนนี้ และให้ความรู้+ข้อมูลในคัมภีร์โบราณอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผมได้นำมาถ่ายทอดให้ทุก ๆ ท่านได้ศึกษา ได้รู้ถึงแก่นแท้ของวิชาอันลี้ลับ และเพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งมวลตลอดไป

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
หากรัญจวนชวนคิดจิตระทม ใช้อาคมผูกดวงบ่วงฤทธา
เหตุสัมฤทธิ์เสร็จกิจนั้นมีสาม ให้ทำตามดั่งตำราเสน่หา
มีสูตรว่านสูตรเลขยันต์ถรรพณ์มนตรา เป็นสรรพาอานุฤทธิ์ พิชิตชัย
ว่าด้วยเรื่องว่านยามหาเล่ห์ กลเสน่ห์ลุ่มหลงสมพงษ์หมาย
แม่ดอกทองแม่ตานีกากีพราย สามสหายเป็นตัวเร่งเก่งโลกีย์
นำผสมใส่ว่านเสพเทพรัญจวน ฤทธิ์ชักชวนจิตคนมามิมีหนี
เมื่อได้มาเป็นภรรยาหรือสามี สิ้นชีวีย่อมให้ได้ทั้งโลกา
ด้านหน้าทำรูปกล้าแกร่งแห่งเทวา แล้วล้อมว่าสุนะโมโลอัปสา
หัวใจเวทย์เดชขุนแผนแสนฤทธา ยอดคาถามหาคงดำรงพร
ซุ้มด้านหลังฝังมนต์มานิมา โอมนะชาลิติสิริไส
ให้นำเงินนำทองลำพองไพร นำมาให้ไม่ว่าใครก็ต้องยอม
ผูกด้วยมนต์นกสาลิการ้องทัก ใช้ดีนักเรื่องวาจาพาทีหอม
ใครก็ใคร่เข้ามาทักรักดมดอม ใคร่ถนอมหอมนวลชวนตรอมตรม
ด้านซ้ายขวาทำยันต์ทรวงดวงหญิงชาย แล้วกระจายมนต์จิตตังฝังให้ทั่ว
เป็นยันต์มนต์ผัวรักเมียเมียหลงผัว หลงจนหัวปักหัวปำคร่ำครวญคลอน
เสกคาถามนตรามหาวน นะร้อนรนโมคิดถึงรำพึงสรณ์
พุทธประจักษ์อ่อนใจรักชักมานอน ธาอาวรณ์ยะครวญหาทุกราตรี
ยอดวิชาเล่ห์ลมพัดอัศจรรย์ ฤทธานั้นเป็นเลิศประเสริฐศรี
ทั้งผัวรักแลเมียหลงงวยงงดี ดวงจิตตี รักจนตาย มิคลายเอย
จารึกในคัมภีร์โบราณอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถอดบทความแล้ว คณาจารย์ท่านได้บอกถึงกระบวนการสร้างขุนแผนมนต์เทพผูกจิตอย่างละเอียด ท่านว่าผู้ใดกระทำวิชานี้อยู่เสมอ จะบังเกิดเป็นนะเมตตามหาเสน่ห์รุนแรง จะสมความปรารถนาแห่งรักทุกประการในมิช้า ทั้งนี้ทั้งนั้นในบทความดังกล่าว ผมขอนำเสนอบางส่วนเท่านั้น หากจะเล่าหรืออธิบายถึงวิธีการสร้างจริง ๆ คงต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตของผู้เขียนถึงจะหมด จุดสำคัญในการสร้างขุนแผนมนต์เทพผูกจิตให้ทรงอิทธิฤทธิ์แรงกล้า คณาจารย์ท่านว่ามีหลักสำคัญ 3 อย่าง คือ
1. ล่วงรู้ตำรับว่านยา
2. ล่วงรู้อักขระเลขยันต์
3. ล่วงรู้มนต์ตรา
ว่านยาอันเป็นมวลสาระสำคัญ 3 อย่าง คือ
1. ดอกทองมหาเสน่ห์ มีลักษณะหัวคล้ายขมิ้นชัน แตกออกไปหลายหัวเลื้อยไป การเดินทางของหัวไม่มีการย้อนหลัง จะเดินไปเพียงทางเดียวกัน ลักษณะของปลายหัวเหมือนปลายองคชาติ เนื้อในหัวมีสีขาว กลิ่นคาวคล้ายน้ำอสุจิ ใบคล้ายขมิ้นชันแต่เล็กกว่า ก้านเขียว พื้นใบเขียว ร่องกระดูกใบเป็นสีแดง แตกเป็นเส้น ๆ ปีนของร่องใบ “ดอก” ขึ้นที่โคนต้นคล้ายดอกจำปีตูม เป็นสีเหลืองอ่อน บานอ้าคล้ายปากโยนี(เพศหญิง) เกสรเหลืองมีกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นสวาทจะออกกลิ่นหอมประตอนเที่ยงคืนถึงตีสาม ดีทางเมตตามหาเสน่ห์ ราคะ กำหนัด ใช้ทางสายเสน่ห์ตับล่างใต้สะดือฉมังนักแล
2. น้ำมันแม่ตานี หรือที่เรียกกันว่า น้ำมันพรายตานี (จากต้นกล้วยตานี) ด้วยพิธีกรรมใช้คาถามนต์ทิพยาธร เสพสมกับนางตานีทางจิต จนกระทั่งต้นตานีนั้นตกเครือออกมาและตายพราย (ตายเองตามธรรมชาติ) จึงทำพิธีตัดมาเคี่ยวเวลากลางคืนขึ้น 15 ค่ำ ให้ได้ 7 ครั้ง จึงสำเร็จ ใช้ด้านเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย นำพาโชคลาภทั้งหลายมาสู่ผู้ครอบครอง
3. ดอกกากีตายพราย (เกิดเองตายเองตามธรรมชาติ)ตามตำราโบราณท่านว่า เมื่อพบว่านกากีตายพรายแล้ว ท่านให้พึงคำนวณหาฤกษ์ พญาวันอย่างหนึ่ง วันอัมฤตโชคอย่างหนึ่ง วันจันทร์ตรีอย่างหนึ่ง วันเพ็ญประจำปีอย่างหนึ่ง เมื่อหาฤกษ์ได้แล้ว ก่อนวันไปทำพิธีขุดกู้ว่านนำมาทำมวลสารวัตถุมงคล ท่านให้ถือศีลอุโบสถ ชำระกายใจให้บริสุทธิ์เสีย 7 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าป่าเจ้าเขาและเทวดาประจำว่านที่เราจะไปพลีเอามา เมื่อวันไปพลีขอเอามาท่านให้จัดกระทงใบตอง 4 กระทง กระทงที่ 1 ใส่เงินบูชาครู กระทงที่ 2 ให้ใส่เครื่องยำ กระทงที่ 3 ใส่ขนมหวาน กระทงที่ 4 ใส่หมากพลู 3 คำ ,บุหรี่ 3 ม้วน,ดอกไม้ขาว 10 ดอก,เทียนสีขาว 10 เล่ม,ธูป 10 ดอก จึงทำพิธีกู้ว่านได้ >>>ดอกกากีตายพรายนี้ มีอนุภาพทางดลจิตดลใจ เรียกจิตเรียกใจคนรัก เป็นเสน่ห์ผัวรักเมียหลง หากผสมให้คนรักกิน เกิดความสวาทรักเรา ไม่คิดนอกใจ รักกันชั่วนิรันดร์
ว่านทั้ง 3 นี้ เมื่อได้นำมาผสมเข้ากับว่านเทพรัญจวนแล้ว จะเกิดเป็นผงทางเรียกจิตดลใจชั้นเลิศ ทำให้ผู้ที่ถูกกระทำเกิดเสน่ห์ลุ่มหลง ดั่งไฟสุ่มทรวง เร่าร้อนในทางโลกีย์ กามตัณหาและกามมัวเมา พิศวาสคร่ำครวญหาผู้กระทำดั่งใจจะขาดดิ้น ผงวิเศษอันศักดิ์สิทธิ์นี้ มีคุณอนันต์ทางเสน่ห์ผูกจิต มัดจิตมัดใจ ไม่มีวันเสื่อมคลาย เมื่อได้ผงวิเศษดังกล่าวมาแล้ว ท่านให้ออกแบบขุนแผนมนต์เทพผูกจิต มีรูปลักษณ์ดังนี้
ด้านหน้า
ออกแบบเป็นเทพผู้งามสง่า ประจุด้วยมนต์หัวใจขุนแผน “สุนะโมโล”
ด้านหลัง
1. ลงอักขระ “มานิมา และ นะชาลิติ” ความหมายว่า ให้ผู้คนทั้งหลายนำพาลาภทรัพย์สิน เงินทอง มาให้เรา
2. เขียนยันต์นกสาลิการ้องทัก ฉมังนักเรื่องเสน่ห์แห่งการเจรจา ใช้เกี้ยวพาราสีดีนำแล เมื่อเจรจากับผู้ใด เกิดเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงส่ง ใครเห็นใครก็รัก นิยมชมชอบแม้จะสูงต่ำดำขาวซักเพียงใด ก็จะมีแต่คนมอบความรัก ความเมตตาให้เสมอ
3. ด้านซ้าย-ขวา ท่านให้ทำเป็นยันต์ผูกดวงหญิงชาย
4. ปิดล้อมด้วยมนต์คาถาเรียกจิต (จิตตัง) ความหมายคือ ให้หญิง-ชายทั้งหลายมาหลงรักในตัวเราอย่างหนัก เหมือนการทำเสน่ห์ผูกดวงในสมัยโบราณ ครูน้อยท่านบอก “ใช้ในการทำเสน่ห์ผูกจิตคนรักและเสน่ห์ผัวรักผัวหลง-เมียรักเมียหลง ประเสริฐนักแล”
เมื่อได้รูปลักษณ์ (กดพิมพ์เรียบร้อยแล้ว) ท่านให้ปลุกเสกด้วยมนต์คาถามหาวนหรือจะเรียกว่า “มนต์คาถาวนเวียน”อีก 1,008 จบ จากนั้นร่ายมนต์ทางการทำเสน่ห์อีก 24 บท และปิดวิชาด้วยมนต์พ่อขุนแผนทุกบท อย่างละ 3,600 จบ อันเป็นเสร็จพิธี จึงจะเรียกได้ว่าทำพิธีจัดสร้าง “ขุนแผนมนต์เทพผูกจิต” ได้สมบูรณ์ครบถ้วนตามตำรา
คุณวิเศษขุนแผนมนต์เทพผูกจิต
1. ผู้ใดมีไว้ครอบครอง จักบังเกิดเป็นมหาเสน่ห์เปรียบเสมือนเป็นผู้กระทำเสน่ห์เรียกจิตเรียกใจคนรัก ให้อยากครองรักกับผู้บูชาตราบชั่วฟ้าดินสลาย
2. เป็นเสน่ห์ผัวเมียหลง ไม่คิดนอกใจเป็นอื่น ลดปัญหาการหย่าร้าง เลิกรากัน
3. ชักพาให้คนทั้งหลาย นำลาภ เงินทอง ทรัพย์สมบัติมาให้เรา เพราะบนพื้นฐานแห่งความสมบูรณ์พูนสุขต้องมีปัจจัยนี้อยู่ด้วย
กราบขอบพระคุณครูน้อย บ้านดอยคำ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาและความรู้แก่ศิษย์คนนี้ และให้ความรู้+ข้อมูลในคัมภีร์โบราณอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผมได้นำมาถ่ายทอดให้ทุก ๆ ท่านได้ศึกษา ได้รู้ถึงแก่นแท้ของวิชาอันลี้ลับ และเพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งมวลตลอดไป

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยว
สวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้ผมขอนำที่มาของวัตถุมงคลอีกรุ่นมาเล่าสู่กันฟัง ผมคิดว่าหลายๆท่านคงรู้จักและได้ยินชื่อเสียงของวัตถุมงคลรุ่นนี้แต่ไม่ทราบประวัติที่มาอันน่าแปลกพิศดาร วัตถุมงคลรุ่นนั้นก็คือ #ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยว
------------------------------------
ที่มาของคำว่าขุนแผนนั้นสำหรับเราชาวไทยคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะรู้ๆกันดีอยู่แล้วแทบจะเรียกได้ว่าเป็นHeroของหนุ่มๆชาวไทยเลยก็ว่าได้ แต่คำว่า "สาวเกี้ยว" ล่ะมีที่มาที่ไปอย่างไร ลองมาติดตามอ่านดูครับ
------------------------------------
ย้อนกลับไปเมื่อประมานปี2545 มีอยู่วันหนึ่่งขณะที่ครูน้อยสั่งให้ศิษย์ที่เป็นพรานในพื้นที่เดินเท้าเข้าป่าลึกแถบภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยในทีมมีศิษย์ชาย 2 หญิง 2 อาสาเดินข้ามภูเขาที่สลับซับซ้อน 3 ลูก เพื่อค้นหาเครือเขาหลง ตัวผู้และตัวเมีย(ไม่ได้ไปล่าสัตว์แบบในข่าวนะครับ)
------------------------------------
ซึ่งโดยปรกติทีมนี้จะออกเดินทางไปกันแต่ตี 5 (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3)กว่าจะเดินทางกลับถึงที่พักก็เกือบ 1 ทุ่ม ทุกครั้งจะได้เครือเขา(สาว)หลงมาคนละหนึ่งกำมือ
------------------------------------
แต่วันนั้นไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานอกจากเครื่อเขา(สาว)หลงแล้วยังมีบางสิ่งติดไม้ติดมือมากลับมาด้วย จากนั้นศิษย์ก็เล่าที่มาที่ไปของสิ่งที่ได้มาให้ครูฟังว่า ในขณะที่ตนและทีมกำลังจะเดินทางกลับมาที่พัก ในระหว่างทางก็ได้พบกับฤๅษีท่านหนึ่งโดยบังเอิญ และได้เข้าไปพูดคุย
------------------------------------
เมื่อฤาษีรู้ความประสงค์ว่าครูสั่งให้เดินเท้าหาสิ่งวิเศษทางเสน่ห์จึงกล่าวว่า "ครูแกไม่รู้เชียวหรือว่า ในป่านี้มีของเสน่ห์ดีนักอีกชนิดหนึ่ง" ว่าแล้วก็พาไปเก็บ และกำชับว่า "ให้เอาไปให้ครู ครูแกจะรู้เอง" เมื่อได้สิ่งวิเศษนั้นมา ตนและทีมก็รีบเดินทางกลับมาพบครู
------------------------------------
เมื่อครูได้รับสิ่งวิเศษนั้นมาท่านก็ทราบได้ทันที่ว่าสิ่งที่ทีมศิษย์นำมาให้นั้นเรียกว่า "เครือสาวเกี้ยว" ซึ่งจัดได้ว่าเป็นของดีขอวิเศษที่หายากชนิดนึง มีฤิทธิ์ทางเสน่ห์ที่รุนแรง
------------------------------------
มื่อครูทราบว่าที่ป่านี้มี เครือสาวเกี้ยว ครูจึงสั่งให้ เข้าป่าไปอีกหลายครั้งเพื่อนำเอาเครือสาวเกี้ยวนี้มาสรา้งวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ พศ.2545 ชื่อ ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยวครับ
------------------------------------
ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยวนี้ บรรจุไปด้วยมวลสารทางเสน่ห์มากมายแต่ที่สำคัญและมีมากเป็นพิเศษนั้นก็คือดอกเครือสาวเกี้ยวซึ่งจัดได้ว่า กว่าจะมีดอแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายและมีพลังงานสะสมอยู่มากที่สุดและครูก็ใช้ปริมาณที่เยอะมากในการนำมาสร้าง
------------------------------------
และนี่คือที่มาของ#ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยว ขุนแผนในตำนานอีกรุ่นที่อยู่ในใจของใครหลายๆคนครับ

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
------------------------------------
ที่มาของคำว่าขุนแผนนั้นสำหรับเราชาวไทยคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพราะรู้ๆกันดีอยู่แล้วแทบจะเรียกได้ว่าเป็นHeroของหนุ่มๆชาวไทยเลยก็ว่าได้ แต่คำว่า "สาวเกี้ยว" ล่ะมีที่มาที่ไปอย่างไร ลองมาติดตามอ่านดูครับ
------------------------------------
ย้อนกลับไปเมื่อประมานปี2545 มีอยู่วันหนึ่่งขณะที่ครูน้อยสั่งให้ศิษย์ที่เป็นพรานในพื้นที่เดินเท้าเข้าป่าลึกแถบภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยในทีมมีศิษย์ชาย 2 หญิง 2 อาสาเดินข้ามภูเขาที่สลับซับซ้อน 3 ลูก เพื่อค้นหาเครือเขาหลง ตัวผู้และตัวเมีย(ไม่ได้ไปล่าสัตว์แบบในข่าวนะครับ)
------------------------------------
ซึ่งโดยปรกติทีมนี้จะออกเดินทางไปกันแต่ตี 5 (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3)กว่าจะเดินทางกลับถึงที่พักก็เกือบ 1 ทุ่ม ทุกครั้งจะได้เครือเขา(สาว)หลงมาคนละหนึ่งกำมือ
------------------------------------
แต่วันนั้นไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานอกจากเครื่อเขา(สาว)หลงแล้วยังมีบางสิ่งติดไม้ติดมือมากลับมาด้วย จากนั้นศิษย์ก็เล่าที่มาที่ไปของสิ่งที่ได้มาให้ครูฟังว่า ในขณะที่ตนและทีมกำลังจะเดินทางกลับมาที่พัก ในระหว่างทางก็ได้พบกับฤๅษีท่านหนึ่งโดยบังเอิญ และได้เข้าไปพูดคุย
------------------------------------
เมื่อฤาษีรู้ความประสงค์ว่าครูสั่งให้เดินเท้าหาสิ่งวิเศษทางเสน่ห์จึงกล่าวว่า "ครูแกไม่รู้เชียวหรือว่า ในป่านี้มีของเสน่ห์ดีนักอีกชนิดหนึ่ง" ว่าแล้วก็พาไปเก็บ และกำชับว่า "ให้เอาไปให้ครู ครูแกจะรู้เอง" เมื่อได้สิ่งวิเศษนั้นมา ตนและทีมก็รีบเดินทางกลับมาพบครู
------------------------------------
เมื่อครูได้รับสิ่งวิเศษนั้นมาท่านก็ทราบได้ทันที่ว่าสิ่งที่ทีมศิษย์นำมาให้นั้นเรียกว่า "เครือสาวเกี้ยว" ซึ่งจัดได้ว่าเป็นของดีขอวิเศษที่หายากชนิดนึง มีฤิทธิ์ทางเสน่ห์ที่รุนแรง
------------------------------------
มื่อครูทราบว่าที่ป่านี้มี เครือสาวเกี้ยว ครูจึงสั่งให้ เข้าป่าไปอีกหลายครั้งเพื่อนำเอาเครือสาวเกี้ยวนี้มาสรา้งวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ พศ.2545 ชื่อ ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยวครับ
------------------------------------
ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยวนี้ บรรจุไปด้วยมวลสารทางเสน่ห์มากมายแต่ที่สำคัญและมีมากเป็นพิเศษนั้นก็คือดอกเครือสาวเกี้ยวซึ่งจัดได้ว่า กว่าจะมีดอแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายและมีพลังงานสะสมอยู่มากที่สุดและครูก็ใช้ปริมาณที่เยอะมากในการนำมาสร้าง
------------------------------------
และนี่คือที่มาของ#ขุนแผนมนต์สาวเกี้ยว ขุนแผนในตำนานอีกรุ่นที่อยู่ในใจของใครหลายๆคนครับ

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ขุนแผนมะดอล่อเป๋อ
ขุนแผนมะดอล่อเป๋อ หรือจะเรียกว่า ขุนแผนเกี้ยวสาว ก็ได้ ออกแบบโดยครูน้อย
บ้านดอยคำ เป็นขุนแผนที่สร้างเป็นรุ่นแรกของปู่หมอนาค
ครั้งตั้งสำนักเพชรแสงแก้วขึ้นมากับครูน้อย บ้านดอยคำ
รุ่นแรกนี้ได้รับการตอบรับจากลูกศิษย์มากมาย
ชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักเลงเจ้าชู้ โดยเฉพาะผู้ใดที่นิสัยขี้อาย
ไม่กล้าจีบใคร แขวนขุนแผนมะดอล่อเป๋อไปเท่านั้นแหละ สำเร็จทุกราย
มีประสบการณ์ในการจีบ (หนุ่ม/สาว) ติดกันมานักต่อนักแล้ว
ผู้ใดมีไว้ครอบครองหรือบูชา จะเจรจากับใครจีบใคร ผู้นั้นจะหลงใหลในคำพูด
หลงใหลในเสน่ห์ของเรา ติดอกติดใจในตัวเรา เป็นอำนาจทาง “จีบ” (หนุ่ม/สาว)
ด้วยวิชามนต์เกี้ยวพาราสีที่ครูน้อยและปู่หมอนาคท่านรังสรรค์ไว้ในขุนแผนองค์นี้แล้ว
มวลสาระสำคัญของขุนแผนมะดอล่อเป๋อ
1. ว่านเทพรัญจวน : เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมใครเห็นเป็นต้องหลงรักระทดระทวยใจ
2. ว่านเครือเขา (สาว) หลง : เป็นเสน่ห์ลุ่มหลงงงงวยมัดจิตมัดใจรักเราไม่อยากจากเราไปไหน
3. รังไขสาลิกาป่า : ว่านหายากในป่าลึกเจรจากับผู้ใดหลงรักเราแบบไม่ลืมหูลืมตาประเสริฐนักแล
เมื่อได้ว่านอาถรรพ์ทั้ง 3 ครบแล้ว ปู่หมอนาคจะทำการผสมกับผงเสน่ห์ยาแฝดประกอบด้วยผงมหาละลวย , ผงมหาหลง , ผงเกี้ยวสาว , ผงร่านสวาทรัก , ผงสาริกา พร้อมกับผสมน้ำมันพรายว่านเข้าไปอีกด้วย อาทิเช่น น้ำมันพรายสวาท , น้ำมันพรายว่านช้างประสมโขลง , น้ำมันพรายเทพรัญจวน , น้ำมันพรายว่านสาวหลง , น้ำมันพรายนางเคียง ฯ เมื่อได้ตัวยาครบแล้ว จึงนำมาบดให้เข้ากันและกดพิมพ์

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
มวลสาระสำคัญของขุนแผนมะดอล่อเป๋อ
1. ว่านเทพรัญจวน : เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมใครเห็นเป็นต้องหลงรักระทดระทวยใจ
2. ว่านเครือเขา (สาว) หลง : เป็นเสน่ห์ลุ่มหลงงงงวยมัดจิตมัดใจรักเราไม่อยากจากเราไปไหน
3. รังไขสาลิกาป่า : ว่านหายากในป่าลึกเจรจากับผู้ใดหลงรักเราแบบไม่ลืมหูลืมตาประเสริฐนักแล
เมื่อได้ว่านอาถรรพ์ทั้ง 3 ครบแล้ว ปู่หมอนาคจะทำการผสมกับผงเสน่ห์ยาแฝดประกอบด้วยผงมหาละลวย , ผงมหาหลง , ผงเกี้ยวสาว , ผงร่านสวาทรัก , ผงสาริกา พร้อมกับผสมน้ำมันพรายว่านเข้าไปอีกด้วย อาทิเช่น น้ำมันพรายสวาท , น้ำมันพรายว่านช้างประสมโขลง , น้ำมันพรายเทพรัญจวน , น้ำมันพรายว่านสาวหลง , น้ำมันพรายนางเคียง ฯ เมื่อได้ตัวยาครบแล้ว จึงนำมาบดให้เข้ากันและกดพิมพ์

www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ประวัติครูน้อยบ้านดอยคำ
ประวัติครูน้อยบ้านดอยคำ ผมขอเล่าประวัติโดยย่อของครูน้อยบ้านดอยคำให้ทุกท่านได้รับท่าน
ย้อนกลับไปเมิ่อประมาณ50กว่าปีที่แล้ว ครูน้อยท่านเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา ท่านเกิดในตระกูลคหบดี เมื่อครั้งตอนที่ครูน้อยท่านมีอายุได้ประมาณ 18 ปี ครูน้อยท่านได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนวิชาจากโยคี(ฤๅษีเขต)ติดต่อกัน 5 ปี บนเขาหิมาลัยในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดวิชาการนั่งสมาธิที่พระพุทธองค์ครั้งเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ก็ได้ศึกษาจากที่นี่ โดยครูน้อยได้เรียนวิชา สมาธิจิต วิชาการสร้างฤิทธิ์ ครั้นเมื่อกลับมาครูน้อยได้เรียนภาษาขอมและวิชาไสยศาสตร์เบื้องต้นจากอาจารย์สุรสีห์ ไชยสีหนาท วัดเดิม อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาและฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อพรหม เจ้าอาวาสวัดบิง อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา หลวงพ่อพรหม อดีตพระผู้เรืองวิทยาคม เป็นพระธรรมทูตที่ประเทศเขมร พ.ศ.2484 จำพรรษาอยู่ที่กุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2506-08

หลวงพ่อพรหมได้รับนิมนต์ร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดปราสาทบุญญาวาส ท่าน้ำสามเสน กรุงเทพมหานคร เป็นที่ทราบในหมู่นักเลงพระเครื่องว่าพิธีปลุกเสกคราวนั้น มีพระครูสมุห์อำพลอดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาท ฯ เป็นเจ้าพิธี เลือกอาราธนาเฉพาะพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณพิเศษทางด้านนี้ ที่น่าสังเกตพระอาจารย์ที่พระครูสมุห์อำพลได้เลือกนิมนต์พระอาจารย์จาก จังหวัดนครราชสีมาเพียง 2 รูป คือหลวงพ่อสอน วัดทุ่งสว่างเสิงสาง อำเภอครบุรี และ หลวงพ่อพรหม วัดบิง อำเภอโชคชัย จึงไม่ต้องสงสัยถึงความเชี่ยวชาญทางวิชาไสยเวทย์ของหลวงพ่อพรหม
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่เป็นพระอาจารย์อบรมสั่งสอนวิชาให้กับครูน้อยด้วยความ เมตตา (ครูน้อยฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อคูณ พ.ศ.2529 ที่วัดบ้านไร่)
www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ย้อนกลับไปเมิ่อประมาณ50กว่าปีที่แล้ว ครูน้อยท่านเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา ท่านเกิดในตระกูลคหบดี เมื่อครั้งตอนที่ครูน้อยท่านมีอายุได้ประมาณ 18 ปี ครูน้อยท่านได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนวิชาจากโยคี(ฤๅษีเขต)ติดต่อกัน 5 ปี บนเขาหิมาลัยในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดวิชาการนั่งสมาธิที่พระพุทธองค์ครั้งเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ก็ได้ศึกษาจากที่นี่ โดยครูน้อยได้เรียนวิชา สมาธิจิต วิชาการสร้างฤิทธิ์ ครั้นเมื่อกลับมาครูน้อยได้เรียนภาษาขอมและวิชาไสยศาสตร์เบื้องต้นจากอาจารย์สุรสีห์ ไชยสีหนาท วัดเดิม อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาและฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อพรหม เจ้าอาวาสวัดบิง อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา หลวงพ่อพรหม อดีตพระผู้เรืองวิทยาคม เป็นพระธรรมทูตที่ประเทศเขมร พ.ศ.2484 จำพรรษาอยู่ที่กุฏิสุนทรภู่ วัดเทพธิดาราม กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2506-08

หลวงพ่อพรหมได้รับนิมนต์ร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดปราสาทบุญญาวาส ท่าน้ำสามเสน กรุงเทพมหานคร เป็นที่ทราบในหมู่นักเลงพระเครื่องว่าพิธีปลุกเสกคราวนั้น มีพระครูสมุห์อำพลอดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาท ฯ เป็นเจ้าพิธี เลือกอาราธนาเฉพาะพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณพิเศษทางด้านนี้ ที่น่าสังเกตพระอาจารย์ที่พระครูสมุห์อำพลได้เลือกนิมนต์พระอาจารย์จาก จังหวัดนครราชสีมาเพียง 2 รูป คือหลวงพ่อสอน วัดทุ่งสว่างเสิงสาง อำเภอครบุรี และ หลวงพ่อพรหม วัดบิง อำเภอโชคชัย จึงไม่ต้องสงสัยถึงความเชี่ยวชาญทางวิชาไสยเวทย์ของหลวงพ่อพรหม
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่เป็นพระอาจารย์อบรมสั่งสอนวิชาให้กับครูน้อยด้วยความ เมตตา (ครูน้อยฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อคูณ พ.ศ.2529 ที่วัดบ้านไร่)
www.mettamahasanae.com
https://www.facebook.com/Mettamahasanae/
ที่มาของสำนักเพชรแสงแก้ว
ย้อนกลับไปเมื่อประมาน16ปีที่แล้ว(พ.ศ.2543) ครูน้อยบ้านดอยคำ ท่านได้มีความคิดขึ้นมาว่า อยากจะสร้างวัตถุมงคลที่ดี ที่มีพลังงานจริง ใช้ได้ผลจริง ให้กับผู้ที่ศัทธาและมีความประสงค์ที่จะบูชา ท่านจึงเริ่มเสาะแสวงหามวลสารต่างๆที่จะมาใช้สรา้งวัตถุมงคล ซึ่งมวลสารต่างๆที่ท่านนำมาจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น ท่านได้เลือกใช้มวลสารจากว่านเป็นหลักและจะไม่ใช้มวลสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตเด็จขาด ในขณะที่ท่านหามวลสารจากสถานที่ต่างๆนั้นก็ก็ได้พบชา่ยชราคนนึงซึ่งคนในแถบนั้นรู้จักดีในนาม ปู่หมอนาค หมอเสน่ห์ เมื่อครูน้อยท่านได้ยินท่านจึงเข้าไปพูดคุยและบอกถึงวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ตั้งใจไว้กับปู่หมอนาค

เมื่อครูน้อยท่านได้แจ้งวัตุประสงค์ที่ท่านได้ตั้งใจไว้ให้ปู่หมอนาคฟังเสร็จแล้ว ก็ครูน้อยท่านได้สอบถามกับท่านปู่ว่าจะมาร่วมกันสรา้งวัตถุมงคลหรือไม่ ซึ่งท่านปู่หมอนาคก็ตอบตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยวัตถุประสงค์ที่ครูน้อยท่านได้ตั้งไว้เป็นเรื่องที่ดี ทั้งสองท่านจึงจับมือร่วมกันสร้างสำนักเพชรแสกแก้วขึ้นมา
โดยครูน้อยท่านได้บอกกับปู่ว่า
ปู่อายุมากอาวุโสกว่าครูน้อยดังนั้นขอใช้ชื่อปู่ในการสร้างวัตถุมงคล
ส่วนครูน้อยท่านจะเป็นกำลังในการหามวลสารต่าง ออกแบบและจัดสร้างให้เอง
จึงได้เปิดสำนักในปี2544และได้เปิด จำหน่ายวัตถุมงคลสำนักเพชรแสงแก้ว
ให้ผู้ที่ศัทธาได้บูชา
จากวันนั้นที่2ครูบาอาจารย์ท่านได้จับมือร่วมกันสร้างวัตถุมงคลในนาม สำนักเพชรแสงแก้ว
โดยมีปู่หมอนาคเพชรแสงแก้วเป็นเจ้าสำนัก
ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ที่ศัทธาและมีประสบการณ์ต่างๆจากผู้บูชาวัตถุมงคลมาอย่างไม่ขาดสาย
อาทิเช่น ขุนแผนปะฉะดะ ขุนแผนพรายกระซิบ ลูกกรอกพรายกระซิบ ขุนแผนพญาลึงค์
และวัตถุมงคลรุ่นอื่นๆอีกมากมาย
จนเวลาล่วงเลยมากว่า 16ปี ปู่หมอนาคก็ชรามาก
ท่านจึงขอปลีกวิเวกใช้ชีวิตปั่นปลายอย่างสงบและมีความสุข
เมื่อปู่ขอปลีกวิเวกครูน้อยจึงจำเป็นที่จะต้องออกมาสานต่อสิ่งที่ได้ร่วมกันสร้างมากับปู่
แต่ทว่าหากออกมาโดยใช้คำว่าเพชรแสงแก้ว
คนที่ไม่ทราบจะเข้าใจว่าครูน้อยเป็นลูกศิษย์ของปู่หมอนาค ครูน้อยท่านจึงไม่ใช้คำว่าเพชรแสงแก้ว โดยมาใช้คำว่าบ้านดอยคำ

ครูน้อยเปิดตัวออกมารับศิษย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2553
และในวันนั้นผมก็ได้เดินทางไปพบครูและฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนวิชานับตั้งแต่วันนั้นจนถึงทุกวันนี้ครับ
และผมก็ได้รับความไว้วางใจจากครูน้อยบ้านดอยคำให้เป็นศูนย์ตัวแทน
จำหน่ายวัตถุมงคลสำนักเพชรแสงแก้วและบ้านดอยคำ
.........และนี่คือที่มาของสำนักเพชรแสงแก้วอันโด่งดัง
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
วิชาโบราณที่ใช้สร้าง ปู่ฤาษี(ครูเสน่ห์)
สวัสดีครับวันนี้จามาพูดถึง # วิชาโบราณ ใช้สร้างตะกรุดสำหรับบรรจุหลัง # ปู่ฤาษี (ครูเสน่ห์) รุ่นปลีกวิเวก # วิชาพระลักษณ์หน้าทอง วิชา...
-
สวัสดีครับ ผมนำเอาประสบการณ์ของหลายๆท่านมาเล่าให้ฟังกัน หลายคนถามว่าแล้วพี่กุ๊กล่ะเคยใช้ของสำนักแล้วมีประสบการณ์ไหม ผมตอบได้เลยตรงนี้ครับว่า...
-
📣 📢 📣 📢 เปิดให้บูชา # แผ่นยันต์มนต์มหาเทพจินดามณี 📣 📢 📣 📢 -------------------------- อักขระเลขยันต์และการปลุกเสกเน้นในด้าน ทำมาหา...
-
# พญาปลัดขิก หรืออีกนัยนึงจะเรียกว่าเพชรพญาธร ตามตำนาน เพชรพญาธร เป็นเทพชั้นสูง อยู่ในป่าหิมพานต์ เป็นเทพที่มีเสน่ห์มาก ขนาดเทวดาและนางฟ้าด...


